ปลาทู อาหารสมอง

ปลาทู เป็นอาหารบำรุงสมอง

จุดเด่นของปลาทูคือ มีสารอาหารที่เรียกว่า โอเมก้า 3 (Omega-3) จำนวนมาก และปลาทู หาง่ายในตลาด ราคาถูก หาซื้อกันได้ทุกวัน

ในเนื้อปลาทู 100 กรัมมีสารโอเมก้า 3 ประมาณ 2-3 กรัม ซึ่งปกติในหนึ่งวันร่างกายต้องการโอเมก้า 3 ประมาณวันละ 3 กรัมต่อวัน


โอเมก้า 3 เป็นกรดชนิดหนึ่งที่ช่วยลดไตรกรีเซอร์ไรน์ (triglycerides)ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งในกระแสเลือด นอกจากนี้ ยังพบว่า โอเมก้า 3 ช่วยลดการก่อตัวของก้อน plaques ในเส้นหลอดเลือดแดง (arteries) อีกทั้งยังช่วยลดภาวะการอักเสบ (inflammation)ทั่วร่างกายอีกด้วย

สมองมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นไขมันที่ดีหรือ Fatty acids ซึ่ง ก็คือ โอเมก้า 3 อาหารที่มี โอเมก้า 3 จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ เพิ่มขีดความสามารถในการแก้ปัญหา มีสมาธิ ความจำดี ทำให้อารมณ์ดี ปรับภาวะสมดุลของอารมณ์ และช่วยรักษาสุขภาพของสมองเมื่อสูงอายุ

นอกจากนี้ ปลาทูเปี่ยมไปด้วย วิตามินดีที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสเข้าลำไส้ เพื่อนำไปสร้าง

เสริมและซ่อมแซมกระดูกและฟัน ทั้งยังช่วยรักษาระบบประสาทและการทำงานของหัวใจให้อยู่ในสภาพที่ดีสม่ำเสมอ และยังช่วยในเรื่องการแข็งตัวของเลือด ช่วยควบคุมแคลเซียมไปยังส่วนต่างๆ อย่างเพียงพอ ทั้งยังมีไอโอดีนส่วนประกอบสำคัญของฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมให้ร่างกายเจริญเติบโตตามปกติ

ปลาทูยังมีกรดอะมิโนโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายสูงกว่าปลาชนิดอื่น โดยเฉพาะไลซีน ที่เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ข้อ และทรีโอนีน ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตในวัยเด็ก

ปลาทูช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) หรือที่เรารู้กันทั่วไปว่าเป็นโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ พูดจาเลอะเลือน ถามคำถามเดียวกันซ้ำ ๆ เป็นต้น

ความจริงโรคอัลไซเมอร์ มีสาเหตุมาจากหลายอย่าง เช่น กรรมพันธ์ และความชราภาพ เป็นต้น แต่วิธีการหนึ่งที่จะช่วยชะลออาการของโรคนี้ ก็คือ การกินอาหารปลา โดยเฉพาะพวก ปลาทู จะช่วยได้ เพราะ โอเมก้า 3 (Omega-3) ในปลา เช่นปลาทู ปลาซาดีน ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดก้อนไขมัน หรือ plaques ในสมอง

อย่างไรก็ตาม
สำหรับหญิงมีครรภ์ หรือแม่ที่กำลังให้นมลูกไม่ควรกินปลาทูมากเกินไป จะเป็นอันตรายแก่การพัฒนาสมองของเด็กในครรภ์ เพราะพบว่า ในปลาทู และปลาชนิดอื่น ๆ รวมทั้ง ปูและหอย มีสารจำพวก methylmercury ซึ่งถ้ามีปริมาณจำนวนมาก จะเป็นอันตรายต่อการพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ องค์การอาหารและยา (FDA) ของอเมริกา ให้คำแนะนำว่า หญิงมีครรภ์และแม่ที่ให้นมลูก ไม่ควรกินอาหารปลาเกิน เกินกว่า สัปดาห์ละ 6-12 ออนซ์


อ้างอิง
http://healthhubs.net/alzheimers/seven-ways-to-slow-or-prevent-alzheimers-disease/
http://www.omega3powder.com/omega3healthbenefits.aspx
http://variety.teenee.com/foodforbrain/2111.html
http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet4/anatomy/dha.htm
http://www.webmd.com/cholesterol-management/features/low-cholesterol-diet-fatty-fish
http://www.pregnancy-calendars.net/fish.aspx
http://www.biogang.net/biodiversity_view.php?menu=biodiversity&uid=25616&id=131114

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อุปมา อุปไมย สำนวนการเปรียบเทียบ ของไทย

แนวข้อสอบ เงื่อนไขสัญลักษณ์

ความสามารถทั่วไปด้านเหตุผล การหาความสัมพันธ์จาก ภาพ สัญลักษณ์