บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กันยายน, 2012

การสลับเปลี่ยนแถวกับคอลัมน์ Excel ในกรณีที่เซลล์มีสูตร

รูปภาพ
การสลับเปลี่ยนแถวกับคอลัมน์ หรือ Transpose ใน Excel 2010 ทำให้เราทำงานได้รวดเร็วขึ้น ใช้ในหลายกรณี เช่น สลับแถวกับคอลัมน์ ในแผนภูมิ จะช่วยให้ดูแผนภูมิง่ายขึ้น ตรงตามจุดเน้น หรือการนำเสนอข้อมูล ในรูปตาราง ถ้าเปลี่ยนแถวเป็นคอลัมน์ ก็จะดูง่ายขึ้น การนำเสนอข้อมูลตารางนี้ ดูดีมาก ถ้าต้องการเปรียบเทียบผลงานการขายของแต่ละคน แต่ถ้าต้องการ ดูผลงานของแต่ละคน ว่ามีความก้าวหน้าอย่างไร ต้องสลับข้อมูลระหว่างแถวกับคอลัมน์ใหม่ ดังนี้ การสลับเปลี่ยนแถวกับคอลัมน์ใน Excel 2010 สามารถทำได้ง่าย โดยเลือกข้อมูล แล้วไปที่ วาง > วางแบบสลับเปลี่ยนแถวกับคอลัมน์ อย่างไรก็ตาม ถ้าเซลล์ที่ต้องการสลับระหว่างแถวกับคอลัมน์ เป็นข้อมูลธรรมดา เราสามารถทำได้ง่าย แต่ถ้าในเซลล์มีสูตร การอ้างอิงจะไม่ถูกต้อง ส่งผลให้ข้อมูลผิดพลาดไปด้วย การแก้ไขต้องกำจัดสูตรออกจากเซลล์ให้หมด แล้วจึงทำการสลับแถวและคอลัมน์ภายหลัง รายละเอียดดูได้จากวิดีโอนี้

การวิเคราะห์แบบสอบถามด้วย Excel

รูปภาพ
แบบสอบถามลักษณะ Rating scale สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยโปรแกรม Excel โดยใช้สูตร countif() และการอ้างอิงเซลล์ (Cell Referencing) ทั้งแบบแน่นอน (Absolute Cell Referencing) แบบเชิงสัมพันธ์ (Relative Cell Referencing) และแบบผสม (Mixed Cell Referencing) แบบเชิงสัมพันธ์ (Relative Cell Referencing) คือไม่มีการ lock คอลัมน์ หรือแถว ตำแหน่งของ Cell จะเคลื่อนที่ตามตำแหน่งของเคอร์เซอร์ แบบแน่นอน (Absolute Cell Referencing) เป็นการ lock ทั้งแถวและคอลัมน์ เช่น $A$1 นั่นคือ Cell ที่ถูกเลือก จะไม่เปลี่ยนตำแหน่ง ไม่ว่าเคอร์เซอร์ จะเคลื่อนที่ไปยังที่ใดก็ตาม แบบผสม (Mixed Cell Referencing) เป็นการ lock เฉพาะแถว หรือ คอลัมน์ อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น $A1 (lock คอลัมน์)หรือ A$1 (lock แถว) ความสัมพันธ์ลักษณะนี้ ตำแหน่งของ Cell ที่ถูกเลือก จะเปลี่ยนแปลงตามตำแหน่งของเคอร์เซอร์ ขึ้นอยู่กับการ lock เช่น ถ้า lock แถว เมื่อตำแหน่งของเคอร์เซอร์เลื่อนลงไป ตำแหน่งของ Cell ที่ถูกเลือกจะไม่เปลี่ยน แต่ถ้า ตำแหน่งของเคอร์เซอร์เคลื่อนไปตามแนวนอน ตำแหน่งของ Cell ก็จะตามไปด้วย ตัวอย่างต่อไปนี้ เป็นการแสดงการวิเคราะห์แบบสอ

การหาข้อมูลในตารางหนึ่ง ที่ไม่มีในอีกตารางหนึ่ง ของ Access 2010

รูปภาพ
บางครั้งเราต้องการหาว่า ข้อมูลในตารางหนึ่ง ที่ไม่มีในอีกตารางหนึ่ง จะทำอย่างไร สมมติว่า มีข้อมูล 2 ตาราง คือ tblCode และ tblData ตาราง tblCode เก็บรหัสอำเภอ และ tblData เก็บข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามา ซึ่งมีรหัสอำเภออยู่ด้วย จึงต้องตรวจสอบว่า อำเภอใน tblData มีอยู่ในตาราง tblCode หรือไม่ (ความจริงถ้าออกแบบดี ๆ กำหนดให้ผู้ใช้เลือกจากตัวเลือก จะได้ถูกต้อง และไม่เกิดข้อผิดพลาด ก็จะไม่ต้องมาหาว่า ข้อมูลที่พิมพ์เข้ามาพิมพ์ถูกหรือไม่) ตาราง tblCode ตาราง tblData จากตาราง จะเห็นว่า โพธาราม ในตาราง tblData ไม่มีในตาราง tblCode ในกรณีนี้ เราต้องการหาว่า ข้อมูลในตาราง tblData ที่ไม่มีในตาราง tblCode การหาลักษณะนี้ นอกจากจะหาชื่ออำเภอที่ไม่ปรากฏ ในอีกกรณีหนึ่งคือพิมพ์ชื่ออำเภอผิด เช่น บ้านไร่ พิมพ์เป็น บ้านไร (ลืมใส่ไม้เอก) ก็จะสามารถหาได้ ด้วยวิธีเดียวกันนี้ วิธีการ ให้สร้างแบบสอบถาม ชนิดเลือก (Select Query) และกำหนดความสัมพันธ์ของฟิลด์ที่ต้องการเป็นแบบ LeftJoin โดยให้รวมระเบียนทั้งหมดจากตาราง tblData และ เฉพาะระเบียนจาก tblCode ซึ่งมีเขตข้อมูลที่ใช้ในการรวมเท่ากัน จากความสัมพั

การปรับข้อมูลในตาราง โดยใช้ข้อมูลอีกตาราง Access 2010

รูปภาพ
บางครั้ง เราต้องการตรวจสอบข้อมูลในตารางข้อมูล โดยมีข้อมูลที่ถูกต้องซึ่งเก็บไว้อีกตารางหนึ่ง เช่น  จากตัวอย่างต่อไปนี้ เรามีตารางราง tblCode เก็บรหัสอำเภอ และชื่ออำเภอ ส่วน ตาราง tblData ที่ผู้ใช้กรอกเข้ามา มีข้อมูล รหัสอำเภอ ชื่ออำเภอ ชื่อคน และ อายุ ตาราง tblCode ตาราง tblData เราต้องการตรวจสอบข้อมูล ว่า รหัสอำเภอในตาราง tblData นั้นถูกต้องหรือไม่ โดยให้ตรวจสอบจากรหัสอำเภอ ในตาราง tblCode วิธีการ สร้าง แบบสอบถามชนิดปรับปรุง หรือ Update Query เพื่อให้แก้ไขข้อมูลรหัสอำเภอในตาราง tblData แต่มีข้อแม้ว่า ชื่ออำเภอในตาราง tblData จะต้องถูกต้อง และมีอยู่ในตาราง tblCode ด้วย ขั้นตอน สร้างแบบสอบถาม โดยไปที่แท็บ สร้าง > กลุ่มแบบสอบถาม > ออกแบบ แบบสอบถาม เลือกตาราง tblCode และ ตาราง tblData กำหนดความสัมพันธ์ฟิลด์ที่มีชื่ออำเภอทั้งสอง โดยลากฟิลด์ amph ของ ตาราง tblCode มาวางไว้ที่ฟิลด์ dataAmp ของตาราง tblData จะเห็นว่ามีเส้นความสัมพันธ์เชื่อมฟิลด์ทั้งสองฟิลด์ ดับเบิ้ลคลิกที่ฟิลด์ aCode ของตาราง tblData ซึ่งเป็นฟิลด์ที่เราต้องการตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้อง ชื่อฟิล