บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ โภชนาการ

ใบมะรุม มีประโยชน์อย่างไร

รูปภาพ
มะรุมเป็นต้นไม้มหัศจรรย์ จัดเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ในตำรายาพื้นบ้าน ใช้ใบมะรุมพอกแผลช่วยห้ามเลือด ทำให้นอนหลับ เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ และช่วยแก้ไข้ เป็นต้น ประโยชน์ของใบมะรุม ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เนื่องจากใบมะรุมมีศักยภาพในการลดคอเรสเตอรอล จึงทำให้อัตราเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจลดลง นอกจากนี้ มะรุมยังเป็นแหล่งแร่ธาตุโดยเฉพาะสังกะสี(zinc) ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก จึงช่วยจัดการระดับน้ำตาลในเลือดได้ เป็นการช่วยควบคุม หรือแม้กระทั่งป้องกันโรคเบาหวานได้ เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ มะรุม มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น quercetin และ chlorogenic acid ผงใบมะรุมบด ช่วยเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในกระแสเลือด ช่วยการนอนหลับให้ดีขึ้น ใบมะรุมช่วยเพิ่มพลังงาน ให้วิตามินและแร่ธาตุแก่ร่างกาย ช่วยลดการอักเสพ เมื่อมีอาหารดี ก็จะช่วยให้การนอนหลับดีขึ้นด้วย ช่วยระบบการย่อย ผู้ที่เป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง ท้องอืด และท้องผูก ควรเพิ่มใบมะรุมลงในรายการอาหารด้วย สารประกอบที่สําคัญในใบมะรุม มะรุมมีสารฟลาโวนอยด์สําคัญคือ รูทิน และเควอเซทิน (rutin และ quercetin) สารลูทีน และกรดแคฟฟีโอลิลควินิก (lutein และ caffeoylqu

มากินผัก ผลไม้ สีแดง กันเถอะ

รูปภาพ
ผ้กผลไม้ที่มีสีแดง ช่วยต้านทานโรค เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยการไหลเวียนของโลหิต บำรุงสายตา ช่วยลดความเสี่ยงจากมะเร็ง โดยเฉพาะ มะเร็งปอด ทรวงอก และอัณฑะ ผักผลไม้สีแดง เช่น แตงโม มะเขือเทศ สตรอเบอรี่ แก้วมังกร มีไลโคปีน (lycopene) ซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์(carotenoid)ชนิดหนึ่ง ทำให้ผักผลไม้มีสีต่าง ๆ เช่น สีแดง สีเหลือง สีส้ม แคโรทีนอยด์ เป็นเคมีของพืช( phytonutrients )ที่ช่วยให้พืชมึความต้านทานต่อโรคและแมลง  เคมีของพืช( phytonutrients ) นอกจากจะช่วยดูดซับพลังงานจากแสงแดด(light energy) สำหรับการสังเคราะห์แสงแล้ว ยังช่วยปกป้องชีวิตของพืชให้สามารถเจริญเติบโตได้ เช่น ไม่ให้แมลงมากัดกินตาที่จะงอกเป็นกิ่งก้าน ดอกและใบ สร้างกลิ่น สี และรสชาดที่ทำให้คนและสัตว์ไม่ชอบกิน(หรือชอบกิน) ตลอดจนต้านมลภาวะต่าง ๆ ให้แก่พืช เป็นต้น เมื่อเรากินพืชผัก ผลไม้ ก็จะได้ประโยชน์จาก เคมีของพืชด้วย เช่น เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ(antioxidants) กระตุ้นเอนไซม์ (Enzyme)เป็นตัวจุดประกายของชีวิตในร่างกาย แทรกแซงการแบ่งตัวของ DNA ในร่างกาย กำจัดแบคทีเรีย ผสานผนังเซลล์ของร่างกาย ตลอดจนทำหน้าที่เสมือนยามคอยดูการเคลื่อนไหวของโรคร้ายต่าง ๆ

มะม่วงหิมพานต์ ของดีสมราคา

รูปภาพ
 มะม่วงหิมพานต์ มีประโยชน์มหาศาล มีน้ำตาลน้อย มีเส้นใยอาหารสูง มีไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและหัวใจ และมีโปรตีนจากพืช ตลอดจนมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และเป็นขุมพลังให้ร่างกาย ต้นกำเนิดของมะม่วงหิมพานต์อยู่ที่ประเทศบลาซิล ถูกนำมาแพร่กระจายโดยพ่อค้าวาณิช สมัยโบราณ ที่ค้าขายระหว่างประเทศต่าง ๆ มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ยืนต้น ให้ผลตลอดปี ประโยชน์ ส่งผลดีต่อหัวใจ มะม่วงหิมพานต์ ช่วยลดคอเรสเตอรอล ลดไขมันตัวร้าย LDL และเพิ่มพลังให้กับไขมันตัวดี HDL ทำให้สามารถนำพาไขมันจากหัวไปไปสู่ตับ เพื่อกำจัดต่อไป วารสาร the New England Journal of Medicine (NEJM) รายงานเกี่ยวกับการกินมะม่วงหิมพานต์ กับ อัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ มะเร็ง และโรคทางระบบหายใจอื่น ๆ ว่า มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน โดยระบุว่า สารอาหารในมะม่วงหิมพานต์ เช่น ไขมันไม่อิ่มตัว โปรตีน เส้นใยอาหาร วิตามิน เกลือแร่ และตัวต่อต้านอนุมูลอิสระ อาจจะมีคุณสมบัติในด้านการปกป้องหัวใจ ต้านสารก่อมะเร็ง และต้านการอักเสบ ( heart -protective, anti-carcinogenic and anti-inflammatory properties ) ช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับเลือด การกินมะม่วงหิมพานต์อาจจะ

มันแกว ของถูกและดี กินแทนข้าว

รูปภาพ
ใครที่มองหาว่า กินอะไรแทนข้าวดีนะ เพราะไม่อยากกินแป้งมาก นี่เลยครับ มันแกวเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ทีแรกนึกว่ามันแกวเป็นพืชท้องถิ่นพื้นบ้านของไทย เพราะเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก และราคาก็ไม่แพง แต่ที่ไหนได้ ความจริงมันแกว เป็นพืชท้องถิ่นของคาบสมุทรแมกซิโก มีชื่อว่า ฮิกกาม่า  (jicama) หรือ อีกชื่อคือ Jambean ม้นแกว เต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร มีแคลอลี่ต่ำ มีใยอาหาร (Fiber) สูง และมีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น Vitamin C Folate  Iron Magnesium Potassium และ Manganese เป็นต้น เหมาะสำหรับผู้เป็นเบาหวาน หรือต้องการลดน้ำหนักมันแกวแม้ว่าจะเป็นมันชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับ มันเทศ แต่เมื่อ เปรียบเทียบกันแล้ว พบว่า มันแกวมีแป้ง (starch) น้อยกว่ามันชนิดอื่น ๆ เช่น มันฝรั่ง และหัวบีท เป็นต้น โดยเฉพาะ Manganese ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่ร่างกายต้องการไม่มาก แต่ขาดไม่ได้ เพราะ Manganese มีบทบาทสำคัญในการบำรุงรักษากระดูกให้แข็งแรง ช่วยระบบการเผาผลาญอาหาร (metabolism) ช่วยดึงดูดแคลเซี่ยม ช่วยการทำงานของต่อมไธรอยด์ ปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ และช่วยย่อยไขมันและคาร์โบไฮเดรท เป็นต้น ถ้าขาด Manganese ร

แก้วมังกร ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

รูปภาพ
แก้วมังกร นอกจากดอกจะสวย ผลสีแดง คล้ายเกล็ดมังกรแล้ว ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง ที่น่าสนใจมากทีเดียว   Dr. Jose Axe  ใช้สโลแกนว่า อาหารเป็นยา (Food is medicine.) บอกถึง คุณค่าของ แก้วมังกร หรือ Dragon fruit ไว้อย่างน่าสนใจว่า เพิ่มพลังให้แก่ภูมิค้มกัน ของร่างกาย เพราะมี ฟลาวานอย (flavonoids) และอุดมไปด้วยวิตามินซี อีกทั้งแก้วมังกร ยังเป็นตัวต้านทานอนุมูลอิสระ ในระดับต้น ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมี วิตามิน B1 B2 และ B3 มี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส เหล็ก โปรตีน ไนอาซิน และ ใยอาหาร ซึ่ง ทั้งหมดนี้ จะช่วยเพิ่มพลังให้แก่ภูมิคุ้มกัน ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าภูมิคุ้มกันดี ก็จะห่างไกลจากโรคร้ายและความเจ็บป่วย วารสาร Journal of Food Science รายงานการวิจัยว่า โพลิฟินอล และฟลาวานอย ที่สกัดได้จากเนื้อและเปลือกแก้วมังกรชนิดเนื้อสีขาวและสีแดง ยังช่วยสะกัดเซลมะเร็งได้หลายชนิด  ช่วยระบบย่อยอาหาร แก้วมังกรมีใยอาหาร ที่จะช่วยให้ระบบลำไส้ทำงาน ไม่ทำให้ท้องผูก ป้องกันการเกิดระคายเคืองในลำไส้ แก้วมังกรสด มีใยอาหาร  1 กรัม ต่อเนื้อแก้วมังกร 100 กรัม แต่ถ้าตากแห้ง จะมีใยอาหาร 10 กรัม ต่อเนื้อ 100 กรัม ซึ

ใบหม่อน กินแล้วได้อะไร

รูปภาพ
ฝนตกชุก ต้นหม่อนงาม ใบแตกสะพรั่ง ใบหม่อน ใช้เลี้ยงไหม เพื่อเอามาทอผ้าไหม ใบหม่อน หนอนกินได้ คนก็น่าจะกินได้เช่นกัน เห็นเขาว่า บางคนเอาไปใส่ก๋วยเตี๋ยว บางคนเอาไปต้มไก่ ใบหม่อน กินแล้วได้อะไร 

เม็ดขนุนต้ม มีประโยชน์

รูปภาพ
แม่เคยต้มเม็ดขนุนให้กิน เมื่อวานไปซื้อขนุนมา กินเนื้อแล้วก็ต้มเม็ดขนุนกิน สงสัยว่า มันจะมีประโยชน์หรือไม่ แต่ที่สุดแล้วก็พบว่า มากประโยชน์ทีเดียว ประโยชน์เม็ดขนุนต้ม  สารอาหารหลัก  เม็ดขนุน 100 กรัม หรือ 1 ขีด ให้พลังงาน 184 แคลอลี่ ให้โปรตีน 7 กรัม คาร์โบไฮเดรท 38 กรัม ไฟเบอร์หรือเส้นใยพืช 1.5 กรัม มีไขมัน น้อยกว่า 1 กรัม หรือพูดได้ว่า แทบจะไม่มีไขมันเอาเสียเลย เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคไขมันโดยแท้ ไฟเบอร์หรือเส้นใยจากพืชที่ได้ 1.5 กรัม คิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ไฟเบอร์ที่ร่างกายต้องการต่อวัน แต่ละวันควรบริโภคไฟเบอร์หรือเส้นใยพืชให้ได้ 25 กรัม เส้นใยพืช ช่วยให้อิ่ม และช่วยลดน้ำหนัก และอาจจะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ คอเรสเตอรรอลสูง ความดันโลหิตสูง และท้องผูกได้

กล้วยดิบ หรือ กล้วยสุก

รูปภาพ
มีคนบอกว่า กินกล้วยห่าม ๆ ดีกว่ากินกล้วยสุก จริงหรือไม่อย่างไร กล้วย เป็นผลไม้่ที่มีประโยชน์หลายอย่าง กล้วยมีโปแตสเซี่ยมสูงมาก โปแตสเซี่ยมช่วยด้านการรักษาระดับความดันของโลหิต กล้วยมีเส้นใยหรือ fiber ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจ กล้วยดิบมีน้ำตาลน้อยแต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างเหมือนกัน

คอเรสเตอรอล กินได้ ไม่มีปัญหา

รูปภาพ
ฟังหมอดาเลียนำข่าว จากคณะกรรมการ Dietary Guidelines Advisory Committee ของประเทศอเมริกา ซึ่งกำลังทำรายงานฉบับร่าง เพื่อเป็นประกาศของรัฐบาลสหรัฐ มีข้อความตอนหนึ่งว่า "คอเรสเตอรอลไม่จัดว่าเป็นสารอาหารที่ต้องกังวลว่าจะรับประทานมากเกินไป" เป็นข่าวใหม่ และข่าวใหญ่ โทรทัศน์ค่ายใหญ่ ๆ เช่น NBC และ ABC รวมทั้งหนังสือพิมพ์ Washington Post ก็นำข่าวนี้มาออกเช่นกัน แสดงว่า ไข่แดง กุ้ง ปลาหมึก และอาหารอะไร ๆ ที่มีคอเรสเตอรอลสูง กินได้ ไม่ต้องเป็นห่วง Dr. Dariush Mozaffarian คณะบดีภาควิชา นโยบายและวิทยาศาสตร์โภชนาการ มหาวิทยาลัยทัฟ กล่าวว่า  การรับประทานอาการทีมีคอเรสเตอรอลกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ไม่เกี่ยวข้องกันมากนัก แต่สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน อาจจะมีความเสี่ยงสูง Dr. David Katz แห่ง มหาวิทยาลัยเยล กล่าวว่า คอเรสเตอรอลจากการรับประทานอาหาร ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับระดับของคอเรสเตอรอลในกระแสเลือด ปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับคอเรสเตอรอลในกระแสเลือดเกิดจากไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์ มากกว่า จากการวิจัยในห้องทดลองพบว่า ไข่ไม่มีผลต่อ คอเรสเตอรอลในกระแสเลือด หรือ พูดง่าย ๆ ว่า กินอาหารที่มีค

ทับทิม: ผลไม้มากประโยชน์

รูปภาพ
ทับทิม (Pomagranate) ปกติทับทิม 1 ลูก มีประมาณ 600 เมล็ด เมล็ดท้บทิมเหล่านี้ แม้ว่าจะกินแล้วมีความรู้สึกแข็ง ๆ ไม่ค่อยมีความอร่อยเท่าไหร่ แต่มากไปด้วยประโยชน์มหาศาลต่อร่างกาย เพราะ มีแครอลี่ต่ำ มีวิตามินสูง มี สารพฤกษเคมี (Phytochemicals) สูง ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยบำรุงหัวใจ และช่วยป้องกัน มะเร็งร้าย ทับทิมให้วิตามินซี และวิตามินเค เมล็ดท้บทิม 100 กรัม มีวิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม (mg) หรือประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนวิตามินซีที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน  (DV -- Daily Value) และมีวิตามินเค จำนวน 16 ไมโครกรัม (mcg) หรือประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนวิตามินซีที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน วิตามินซี ช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการต้านทานโรคร้ายต่าง ๆ ช่วยรักษาแผล ทำให้เหงือกแข็งแรง และช่วยให้ร่างกายผลิดคอลลาเจน(Collagen) และ อิลาสติน(Elastin) และช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก (Iron) ได้ดีขึ้น           คอลลเจน(Collagen) มีหน้าที่สำคัญในการเชื่อมและยึดจับเซลล์เนื้อเยื่อเข้าด้วยกัน เช่น เส้นเอ็น ข้อต่อกระดูกต่างๆ รวมถึงช่วยเสริมการสร้างเนื้อเย

มันเทศต้ม อาหารสุดยอด

รูปภาพ
มันเทศ(Sweet potato) เป็นอาหารพื้นบ้าน ปลูกง่าย กินอิ่มนาน ราคาถูก มีคุณค่าทางอาหารมากมาย ถือได้ว่าเป็นอาหารสุดยอดชนิดหนึ่ง สมัยก่อน แม่เล่าให้ฟังว่าตอนข้าวยากหมากแพง จะหุงข้าวกับมัน โดยขูดผิวมันออกและเฉาะใส่หม้อข้าวตอนหม้อข้าวเดือดก่อนเช็ดน้ำและดง สมัยผมเป็นเด็ก ก็เคยกินข้าวปนมันเหมือนกัน คุณค่าทางอาหารที่ได้จากมันเทศ วิตามินเอ (Vitamin A) ในมันเทศมีเบต้าแครอทีน (Beta Carotene) สูงพอ ๆ กับแครอท ร่างกายจะเปลี่ยนเบต้าแครอทีนเป็นวิตามินเอ วิตามินเอ มีประโยชน์บำรุงสายตา กระดูก และภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต้านทานโรคร้ายเช่น มะเร็ง และโรคหัวใจ นอกจากนี้ วิตามินเอ และ เบต้าแครอทีน ยังช่วยบำรุงผิวอีกด้วย ถ้าจะให้ได้ประโยชน์ สูงสุด ต้องกินอาหารประเภทไขมันร่วมด้วยนิดหน่อย เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอได้ดีขึ้น - มันเทศประมาณ 1 ขีด (3.0 oz หรือ 103.51 กรัม) มีวิตามินเอ ระหว่าง 100-1,600 ไมโครกรัม (RAE) หรือ ประมาณ 35% ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการ วิตามินซี (Vitamin C) มันเทศอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยป้องกันโรค รักษาหวัด เสริมสร้างกระดูกและฟัน ช่วยรักษาบาดแผ

เคล็ดลับการรับประทานกระเทียมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

รูปภาพ
รายการ Science Friday ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 เรื่อง Eating 'Wilder' Foods for a Healthier Diet พูดถึงเรื่องกระเทียมไว้อย่างน่าสนใจ ไม่ต้องสงสัยเรื่องคุณประโยชน์ของกระเทียมว่ามีประโยชน์อย่างไร เพราะถือกันว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่รู้จักกันมาทั่วโลกเป็นเวลานาน เช่น ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย  ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย เป็นต้น แต่ปัญหาอย่างหนึ่งคือ วิธีการปรุงอาหารที่ผิดวิธี จะทำลายคุณค่าของกระเทียม ทำให้กระเทียมขาดประสิทธิภาพ สารที่มีประโยชน์อย่างมากในกระเทียม ชื่อว่า อัลลิซิน (Allicin) สารนี้ช่วยปกป้องกระเทียมจากเชื่อราและเชื้อแบคทีเรีย และมีประโยชน์สำหรับคนในด้านการต้านทานอนุมูลอิสระและการซ่อมแซมเซลล์ของร่างกาย กระเทียมช่วยต้านทานมะเร็ง โดยขัดขวางการสร้างอนุมูลอิสระ และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเอ็นไซม์ที่จะไปทำให้คาซิโนเจน (Carcinogens) หมดประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้ร่างกายสร้าง อะโพโตซิส (Apoptosis) ในเซลล์มะเร็งบางชนิด อะโพโตซิสเป็นวิธีการที่ร่างกายกำจัดเซลล์ที่ไม่ต้องการ หรือเซลล์ที่มีค

กระชาย "ราชาแห่งสมุนไพร"

รูปภาพ
วันนี้ ได้รับอีเมลจาก อาจารย์วิไลพรรณ สมตระกูล Forward มาให้เรื่อง กระชาย น่าสนใจดีนะครับ ของไทย ๆ พื้นบ้าน ปลูกง่าย มีประโยชน์ กระชายมี 3 ชนิด คือ กระชายดำ กระชายแดง กระชายเหลือง กระชาย ในที่นี้จะขอกล่าวถึงกระชายเหลืองอย่างเดียวเปรียบเทียบกระชายคือโสมของไทย คือ "ราชาแห่งสมุนไพร" กระชายปั่นคั้นน้ำ กระชายมีวิตามินซี, บี1, บี 3 ,บี 6 และแคลเซียม สรรพคุณกระชาย 1.ช่วยบำรุงตับ ไต แข็งแรง 2.ช่วยฟื้นฟูต่อมไทรอยด์ ต่อมใต้สมอง 3.ช่วยบำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง กระดูกไม่เปราะบาง 4.ช่วยให้เส้นผมไม่หงอกก่อนวัยเล็บมือ เล็บเท้า แข็งแรง 5.ช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตให้พอดี ไม่ให้สูงมากหรือต่ำมากเกินไป 6..ช่วยบำรุงหัวใจ ระบบกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง เต้นสม่ำเสมอ ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น คุณค่าในน้ำกระชาย เมื่อกินน้ำกระชายเข้าไปแล้ว ในกระเพาะเรามีน้ำ มีไขมันและจุลินทรีย์สองกลุ่มจะแยกกันทำหน้าที่ของมันเอง ตัวจุลินทรีย์ในกระเพาะจะทำให้เกิดแอลกอฮอล์ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่สกัดตัวยากลุ่มที่ละลายน้ำออกมาจากกระชายได้เอง ส่วนกลุ่มที่ละลายในไขมันก็ทำงานของเขาเอง คนปกติดื่มกระ

การตัดแต่งกิ่งมะนาว

รูปภาพ
จุดประสงค์ เพื่อให้แสงแดดและอากาศเข้าถึง เพื่อให้ได้กิ่งที่แข็งแรง ผลผลิตดี ลูกสมบูรณ์ เก็บเกี่ยวง่าย และกำจัดกิ่งที่ไม่แข็งแรง เป็นโรคออกไป นอกจากนี้ ยังจะทำให้ต้นมะนาวมีอายุยืนอีกด้วย สรีระและหลักการตัดแต่งกิ่งต้นไม้ ถ้าเราแบ่งต้นไม้ออกเป็น 3 โซนตามรูป โซน 1 มักจะมีกิ่งใบที่แข็งแรง แต่การเติบโตของโซน 1 จะบดบังแสงของโซน 2 ซึ่งเป็นโซนที่จะให้ผลที่มีคุณภาพดี โซน 1 จึงไม่ควรมีมากไป ส่วนโซน 3 มักจะให้ผลที่มีคุณภาพด้อยกว่าเนื่องจากถูกบดบังแสงแดด การลดจำนวนกิ่งในโซน 3 จะทำให้อาหารไปเลี้ยงผลที่โซน 2 อย่างเต็มที่ สรุปหลักการตัดแต่งกิ่งคือลดขนาดของโซน 1 และ 3 ลง เพื่อให้โซน 2 สามารถทำหน้าที่ได้เต็มที่ ( http://www.bansuanporpeang.com/node/20690 ) เทคนิคการตัดแต่งกิ่ง ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการตัดแต่งกิ่งมะนาวคือ ประมาณช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม  ซึ่งเป็นช่วงก่อนระยะพักตัว (dormant season) ซึ่งต้นไม้จะส่งอาหารไปเก็บไว้ที่กิ่งและตา หรือช่วงหลังจากที่มะนาวให้ผลผลิตแล้วเพื่อเตรียมตัวสำหรับปีต่อไป หลีกเลี่ยงการตัดแต่งกิ่งในช่วงที่ต้นไม้กำลังเจริญเดิบโตหรือกำลังเริ่มออกดอก สาม

ถั่วลิสง ไม่ดี

รูปภาพ
ไม่ใช่เฉพาะถั่วลิสงเท่านั้นนะครับ แต่รวมความหมายถึงพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ (legumes) เช่น ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วแขก เป็นต้น ถั่วลิสงมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อควรระวังไว้ด้วย   ในสภาพที่ยังดิบ พืชตระกูลถั่วมีธรรมชาติเป็นพิษ (toxic) คือ กินดิบไม่ดี ถั่วจะมีประโยชน์ดีต้องผ่านกระบวนการทำสุก ทำให้งอก หรือหมักดองเสียก่อน เช่น ต้ม นึ่ง ทำเป็นเต้าเจี้ยว เพาะเป็นถั่วงอกเป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดสาร  lectin และ phytate ที่มีอยู่ในอาหารหลายชนิด แต่มีมากในถั่วต่าง ๆ ให้ลดน้อยลง Lectin จะไปกำจัดเมือก (mucous) ในลำไส้เล็ก ซึ่งทำหน้าที่ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อ และในที่สุดก็จะส่งผลให้เกิดโรคภูมิแพ้ (autoimmune diseases) นอกจากนี้ lectin ยังทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้อีกด้วย สำหรับ Phytate หรือกรดไฟเตท เป็นตัวต้านการดูดซึมแคลเซี่ยม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก และสังกะสี ซึ่งเชื่อว่าเป็นเหตุของโรคกระดูกพรุน (osteoporosis) นอกจากนี้ กรดไฟเตทยังขัดขวางการทำงานของน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เช่น pepsin และ amylase เป็นต้น ข้อเสียของถั่วลิสงอย่างหนึ่งก็คือ มีสาร aflatoxins ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง  อีกด้วย ป

ขมิ้น พืชมหัศจรรย์

รูปภาพ
ขมิ้น ขมิ้นชัน ขมิ้นม่วงหรือขมิ้นขาว  ( Turmeric) และพืชตระกูลขิง   มีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า Curcumin เป็นสารที่มีประโยชน์มาก สาร Curcumin เป็นตัวที่ทำให้ขมิ้นเป็นสีเหลือง ขมิ้นจัดว่าเป็นเครื่องเทศที่ให้ประโยชน์ มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุดในโลก Curcumin เป็นสารมหัศจรรย์ ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันไม่ให้เป็นโรคความจำเสื่อม (Alzheimer's disease)ในผู้สูงอายุ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งหลายชนิด และลดคอเรสเตอรอล คนอินเดียใช้ รักษาโรคตับ โรครูมาติก แผลเบาหวาน ช่วยย่อยอาหาร คัดจมูก และแก้ไอ และกำลังมีการศึกษาว่าสามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคเอดส์ อีกด้วย Curcumin เป็นสารต้านการอักเสพ (anti-oxidant)ต้านอนุมูลอิสระ(free radicals) ช่วยลดอาการปวดต่าง ๆ เช่น ปวดฟัน ปวดท้องเมื่อมีประจำเดือน ผู้ที่กินขมิ้นเป็นประจำ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งทรวงอก มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก Curcumin ช่วยการย่อยอาหาร คนไทยรู้กันทั่วไปว่า กินน้ำขิงช่วยแก้ปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ German Commission E ของประเทศเยอรมัน รับรองว่า Curcumin สามารถช่วยแก้ปัญหาการย่อยอาหารได้ Curcumin ช่วยป้องกันโรคหัวใจวาย

ผักหวานบ้าน หรือมะยมป่า

รูปภาพ
สมัยก่อนเมื่อยังเป็นเด็ก เข้าไปเที่ยวในป่าหลังบ้าน เห็นต้นมะยมป่า ไม่เคยนึกเลยว่า เป็นผักที่กินได้ พอมาเจอผัดผักหวานกับน้ำมันหอย รู้สึกคุ้นเคยว่า ผักชนิดนี้เคยเห็นที่ไหน เข้าอินเทอร์เน็ตลองค้นดู จึงรู้ว่า ผักหวานบ้าน กับมะยมป่า ที่เคยเห็นสม้ยเป็นเด็ก เป็นพืชชนิดเดียวกัน กินผักหวานได้ประโยชน์ ผักหวานบ้าน ทำอาหารได้หลายอย่าง ง่ายที่สุดคือนำมาลวกจิ้มน้ำพริก หรือนำไปแกง เช่น แกงเลียง หรือแกงจืด นอกจากนั้นยังนำไปผัด เช่น ผัดน้ำมันหอย เป็นต้น น่าสังเกตว่า ชนิดอาหารที่ปรุงจากผักหวานบ้าน ไม่ว่าจะเป็นผักจิ้ม แกงเลียง แกงจืด หรือผัดน้ำมันหอย ล้วนแล้วแต่มีเครื่องปรุงแต่งน้อย เพราะต้องการให้ได้รสชาติของผักหวานบ้านมากเป็นพิเศษ เพราะถือว่ามีรสชาติดีกว่าผักทั่วไป ใบและยอดอ่อนของผักหวาน มีวิตามินเอมากเป็นพิเศษ คือใน ๑๐๐ กรัม มีวิตามินเออยู่สูงถึง ๑๖,๕๙๐ หน่วยสากล (IU) และมีวิตามินเคอยู่ด้วย วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา วิตามินเคมีสรรพคุณในการช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อมีบาดแผลเลือดออก ช่วยให้ตับทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกับวิตามินดีในการควบคุมระดับแคลเซียมในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างเซลล์กระดูกและเนื

บริโภคน้ำตาล ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา

รูปภาพ
ผ่านหน้าอำเภอบางแพ เห็นมีป้ายโฆษณารูปผู้ว่า ฯ จังหวัดราชบุรี บอกว่า ชาวราชบุรีหวานพอดี ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา (24 กรัม) ต้องมีอะไรสำคัญเกี่ยวกับน้ำตาลแน่ ๆ จึงต้องมารณรงค์เรื่องน้ำตาลกัน ดร.ซูซาน มิเชล ให้ข้อมูลว่า น้ำตาลทำให้อ้วน การกินน้ำตาลในปริมาณมาก จะเพิ่มความเสี่ยงทำให้ความดันโลหิตสูง ระดับไตรกรีเซอร์ไรด์สูง และเพิ่มระดับการอักเสบ (inflammation)ในร่างกาย ซึ่งจะไปมีผลทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ น้ำตาลที่กำลังพูดถึงนี้ หมายถึงน้ำตาลที่เราบริโภคโดยตรง หรือที่เรียกว่า "added sugar" เช่น น้ำตาลที่ใส่ในอาหารระหว่างกระบวนการผลิต น้ำผึง หรือน้ำตาลทรายเป็นช้อน ๆ ที่เราตักเติมลงไปในก๋วยเตี๋ยว นั่นแหละครับ ไม่รวมน้ำตามในธรรมชาติ เช่น ในผลไม้ นะครับ การบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่มาก ทำให้ได้พลังงานแคลอลี่ว่าง (empty calories)ซึ่งไม่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายแต่อย่างไร เพียงเอาไปสะสมไว้ที่พุงทำให้อ้วนตุ๊ต๊ะเท่านั้น บริโภคน้ำตาลเท่าไร จึงจะจัดว่าอยู่ในปริมาณที่มาก ดร.มิเชลบอกว่า ผู้หญิงไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินวันละ 100 แคลอลี่ หรือ 25 กรัม หรือคิดเป็นช้อนชาได้ประมาณ 6 ช้อนชา ส่วนผู้ชายไ

ปลาทู อาหารสมอง

รูปภาพ
ปลาทู เป็นอาหารบำรุงสมอง จุดเด่นของปลาทูคือ มีสารอาหารที่เรียกว่า โอเมก้า 3 (Omega-3) จำนวนมาก และปลาทู หาง่ายในตลาด ราคาถูก หาซื้อกันได้ทุกวัน ในเนื้อปลาทู 100 กรัมมีสารโอเมก้า 3 ประมาณ 2-3 กรัม ซึ่งปกติในหนึ่งวันร่างกายต้องการโอเมก้า 3 ประมาณวันละ 3 กรัมต่อวัน โอเมก้า 3 เป็นกรดชนิดหนึ่งที่ช่วยลดไตรกรีเซอร์ไรน์ (triglycerides)ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งในกระแสเลือด นอกจากนี้ ยังพบว่า โอเมก้า 3 ช่วยลดการก่อตัวของก้อน plaques ในเส้นหลอดเลือดแดง (arteries) อีกทั้งยังช่วยลดภาวะการอักเสบ (inflammation)ทั่วร่างกายอีกด้วย สมองมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นไขมันที่ดีหรือ Fatty acids ซึ่ง ก็คือ โอเมก้า 3 อาหารที่มี โอเมก้า 3 จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ เพิ่มขีดความสามารถในการแก้ปัญหา มีสมาธิ ความจำดี ทำให้อารมณ์ดี ปรับภาวะสมดุลของอารมณ์ และช่วยรักษาสุขภาพของสมองเมื่อสูงอายุ นอกจากนี้ ปลาทูเปี่ยมไปด้วย วิตามินดีที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสเข้าลำไส้ เพื่อนำไปสร้าง เสริมและซ่อมแซมกระดูกและฟัน ทั้งยังช่วยรักษาระบบประสาทและการทำงานของหัวใจให้อยู่ในสภาพที่ดีสม่ำเสมอ และยังช่วยในเ

ข้าวหมาก อาหารโพรไบโอติก เพื่อสุขภาพ

รูปภาพ
ข้าวหมาก เป็นอาหารประเภทขนมโบราณ บางคนไม่ชอบเพราะคิดว่าเป็นของมึนเมา ของหมักดอง ของไม่สะอาด กินแล้วเมา ประเภทเดียวกับกินน้ำขาว ซึ่งทำมาจากข้าวแล้วหมักด้วยแป้งข้าวหมัก เหมือนกัน ความจริงก็คือ ข้าวหมากกินแล้วอร่อยดี ผมกินมาตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ กินแล้วรู้สึกร้อน ๆ เหมือนกัน คนโบราณบอกว่า ผู้หญิงกินแล้วทำให้ผิวพรรณดี ข้าวหมาก ทำมาจากข้าว ผสมกับแป้งข้าวหมาก สมัยก่อนผมเป็นเด็ก แม่ทำข้าวหมากขาย พอผสมแป้งกับข้าวเหนียวนึ่งเสร็จแล้ว จะห่อใบตอง ใช้ใบมะพร้าวเป็นเตี่ยว ทิ้งไว้ 2-3 วัน จะกลายเป็นข้าวหมาก ปัจจุบันพบว่า เชื้อยีสต์ในข้าวหมากเป็นโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ชนิดหนึ่ง Probiotics เป็นจุลินทรีย์มีชีวิต ที่ก่อประโยชน์ต่อร่างกายที่มันอาศัยอยู่ ทำการปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย กระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ภูมิคุ้มกันมะเร็ง ช่วยระบบทางเดินอาหารให้ทำงานเป็นปกติและดูดซึมวิตามินดีขึ้น ผลิตเม็ดเลือดแดงดีขึ้น ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียก่อโรค รักษาแผลในลำไส้ FAO/WHO ให้คำจำกัดความของ Probiotics ว่า เป็นจุลชีพที่มีชีวิต ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายของเราในปริมาณที่เหมาะสมจะให้คุณต่อร่างกาย