บทความ

การใช้ have/make/get/let

คำกริยา ที่มักจะออกข้อสอบภาษาอังกฤษ เรื่อง Grammar มักจะมีการใช้ คำว่า have/make/get/let อยู่ด้วยเสมอ ประเด็นคือ คำกริยาที่ตามมา จะอยู่ในรูปอะไร จะเป็น กริยาช่อง 1 หรือ กริยาช่อง 1 ที่ไม่มี to นำหน้า หรือ เป็นกริยาช่อง 3 ซึ่ง มีหลัก ดังนี้ LET ใช้ในความหมายว่า อนุญาตให้ใคร ทำอะไร หรือ อะไร เป็นอะไร กริยาที่ตามมา จะเป็น กริยาช่องที่ 1 ที่ไม่มี to นำหน้า หรือ ที่เรียกว่าเป็น base form รูปแบบ LET + SOMEONE/SOMETHING + VERB(base form) Sombat let me drive his new car. สมบัติอนุญาตให้ฉันขับรถใหม่ของเขา Don’t let the advertising expenses surpass 5,000 baht. อย่าให้ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเกินกว่า 5,000 บาทนะ GET ใช้ในความหมายว่า ชักชวน/กระตุ้น ให้ใคร ทำอะไร ถ้าเน้นคน  จะตามด้วย กริยาช่องที่ 1 ที่มี to นำหน้า หรือ ที่เรียกว่า infinitive รูปแบบ GET + SOMEONE + TO + DO + SOMETHING I got the cleaner to clean under the cupboards. ฉันให้คนทำความสะอาด ทำความสะอาดใต้ตู้ ถ้าเน้นที่สิ่งของ  โดยไม่บอกว่าใครเป็นคนทำ จะตามด้วย กริยาช่อง 3 หรือ past participle รูปแบบ GET

เตรียมสอบ ก.พ. ภาค ก./ท้องถิ่น วิชาภาษาอังกฤษ - จดหมาย

จดหมาย เป็นเรื่องหนึ่งที่มักจะมีออกข้อสอบ ในข้อสอบ ก.พ. ภาค ก. /ท้องถิ่น อยู่เสมอ ถ้าได้ทบทวนไว้ ก็จะเป็นประโยชน์ ในการสอบไม่น้อย สำหรับ ข้อ 1-5 Instructions: Read the following letter and select the best answer for each item. To: Ms. Lisa Ray Manager of Business Relations ABC Company Brigade 20th April, 2010. Ref: Product 789654 Dear Ms. Ray, We write to you in reference with the product number 789654 that has been purchased from your company’s end on the 26th of March. DFG56894 is the receipt number of the transaction associated with the product. The mutual agreement that we had agreed upon stated that the product had to reach our door step with in a decent and workable condition. The contract also stated that the product would be installed by some personnel from your company. But it is very sad to notify this to you that your company has failed to live up on both your promises. Such a careless encounter does get second thoughts in regards with long time

เตรียมสอบ ก.พ. วิชาภาษาอังกฤษ ทบทวนคำศัพท์

สอบ ก.พ. หรือ ท้องถิ่น วิชาภาษาอังกฤษ มักจะมีการถามความหมายคำศัพท์ ภาษาอังกฤษ อยู่เสมอ เพราะ คำศัพท์ เป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการสื่อสาร ดังนั้น การเพิ่มพูนวงคำศัพท์ การเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ในครั้งนี้ เป็นการทบทวนคำศัพท์ที่เคยรู้ พร้อม ๆ กับการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ด้วยกิจกรรม Odd One Out เคล็ดลับ คือ ถ้ารู้คำศัพท์ 3 ตัว ในจำนวน 4 ตัว ก็จะสามารถทำข้อสอบ ข้อนั้นได้ ถ้า รู้คำศัพท์ จาก 2 ใน 4 ตัว ก็จะมีโอกาสเดาถูก 50 % ลองดูนะครับ และอย่าลืมคลิกดูคำอธิบายด้วย บางข้อ มีตัวอย่างประโยคประกอบ    Odd One Out    Instructions: Select the one that does not belong to the group. ข้อ 1.   1. fast 2. rapid 3. slow 4. swift   dummy text 1. fast (เร็ว) 2. rapid (เร็ว เช่น rapid train = รถเร็ว) 3. slow (เชื่องช้า) ✔ 4. swift (รวดเร็ว) Time goes very swiftly. เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว คำตอบที่ถูก คือ ข้อ 3   ข้อ 2.   1. intelligent 2. smart 3. dull 4. brilli

เตรียมสอบ ก.พ. วิชาภาษาอังกฤษ (บทสนทนายาว)

รูปภาพ
การสอบ ก.พ. วิชาภาษาอังกฤษ มักจะมีบทสนทนาที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น การสัมภาษณ์เข้าทำงาน เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะวัดความรู้ด้านภาษาแล้ว อาจจะมีการวัดด้านความเหมาะสม ในการใช้ภาษาด้วย ตัวอย่างบทสนทนาต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างการวัดทั้งด้านภาษา และการใช้ให้ถูก เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วย สำหรับ ข้อ 1-7 Mr. A: Hi, nice to meet you. Mr. B: ...........(1)............. Mr. A: What job are you applying for? Mr. B: ...............(2)........................ Mr. A: How much experience do you have in this field? Mr. B: ...................(3)....................... Mr. A: Why did you leave your former company? Mr. B: .......................(4)........................ Mr. A: Can you tell me what your strengths are? Mr. B: ..................(5)............................ Mr. A: What do you see as your weaknesses? Mr. B: .................... (6)....................... Mr. A: O.K. I will let you know of our decision by e-mail. Mr. B: Thank you. ........... (7)................ ข้อ 1.

How do you feel? VS What do you feel?

How do you feel? กับ What do you feel? ใช้ต่างกันอย่างไร ถ้าแปลเป็นไทย ก็เป็นคำถามง่าย ๆ ว่า รู้สึกอย่างไร How do you feel? คุณรู้สึกอย่างไร What do you feel? คุณรู้สึกอย่างไร ภาษาไทยเรา ไม่มีการแยกแยะความรู้สึกระหว่าง ความรู้สึกทางอารมณ์ เช่น เจ็บใจ ปวดร้าว มีความสุข หรืออื่น ๆ กับความรู้สึกทางร่างกาย เช่น เจ็บ ปวด หนาว ร้อน เป็นต้น แต่ในภาษาอังกฤษ ถ้าต้องการถามเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึก เขาจะถามว่า How do you feel? ซึ่งเป็นคำถามที่น่าจะใช้กันมาก ครูภาษาอังกฤษบางคน เลยเหมาเอาว่า ห้ามถามว่า What do you feel? เด็ดขาด ความจริงถามได้นะครับ เช่น หมออาจจะถามกคนไข้ว่า ตอนนี้รู้สึกอย่างไร (เพราะต้องการทราบอาการของคนไข้ เช่น  ปวดหัวไหม หรือปวดท้อง เป็นต้น) ถ้าเป็นการถามถึงความรู้สึกทางร่างกาย ก็จะถามว่า What do you feel? ตัวอย่าง How do you feel when raindrops spatter the window? คุณรู้สีออย่างไรเมื่อเม็ดฝนโปรยปรายลงมากระทบ(กระจก)หน้าต่าง? (เปล่าเปลี่ยว/ เหงา/ คิดถึงบ้าน/ คิดถึงความหลัง/ ฯลฯ) What do you feel when you put your hand outside the window when it r

สำนวน go to the sea, go to the beach, go to the seaside, go to the mountains

วันนี้ จะพูดเรื่องที่ดูง่าย ๆ แต่มักจะผิด คือ สำนวนเกี่ยวกับคำว่า go หรือ ไป สำนวน go to the sea ถ้าแบบไทย ๆ ก็เป็นที่เข้าใจกันว่า ไปเที่ยวทะเล แต่สำนวนนี้ คนอเมริกัน หรือ คนอังกฤษ ฟังดูจะแปล่ง ๆ สักหน่อย และเผลอ ๆ บางที ก็อาจจะเข้าใจผิด คิดว่า เป็นการออกเรือหาปลาไปเลย ก็เป็นไปได้ ถ้าจะพูดว่า ไปเที่ยวทะเล ควรใช้สำนวนว่า go to the beach go to the ocean go to the seaside go to the shore go to the seashore เช่น A: Where did you go on your last vacation? B: I went to the beach. คำว่า I went to the beach. หมายถึงไปเที่ยวทะเล ซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงว่า เป็นที่ไหน อาจจะเป็นที่พัทยา ภูเก็ต หรือ หาดเจ้าหลาว เป็นต้น ถ้าจะบอกให้เฉพาะลงไปเลย ก็พูดว่า I went to Phuket. คำว่า go to the sea ถ้าตรงความหมายก็คือ ไปทะเลแห่งนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ไปเที่ยวพักผ่อน แต่เป็นการไปเฉย ๆ ไม่ได้ ไปเที่ยว  ไม่ได้ ไปนอนริมทะเล  ไม่ได้ ไปว่ายน้ำชายหาด  ไม่ได้ ไปเล่นกระดานโต้คลื่น เป็นต้น อีกสำนวนหนึ่ง ที่มีคล้ายกัน แต่ความหมายผิดกันคือคำว่า go to sea go to sea เป็นสำนวน หมายถึง ออกเรือไปหาปลา

การถามราคาสิ่งของ เป็นภาษาอังกฤษ

การถามราคาสิ่งของเป็นภาษาอังกฤษ ดูเป็นเรื่องง่าย แต่หลายคนก็ถามไม่ถูก เช่น ถามว่า What is the prize? How much is the price? How do you sell it? เป็นต้น การถามราคาสิ่งของกับผู้ขาย เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าถามแบบสั้น ๆ ก็ถามว่า How much? What is the price? (price ≠ prize) ถ้าจะให้ดี ถามเป็นประโยคดีกว่า ให้ใช้รูปแบบ How much is/are + ....? หรือ What is the price of + .....? ตัวอย่าง How much is this shirt? How much are these oranges? What is the price of this shirt? ในกรณีที่หยิบของขึ้นมา หรือชี้ให้คนขายดู อาจจะไม่ต้องบอกว่าเป็นอะไร ก็ได้ ถามตรง ๆ เช่น How much is this? How much is it? นอกจากนี้ อาจจะถามแบบอื่น ๆ อีก ก็ได้ เช่น What does it cost? What does this cost? What does this cost exactly? What exactly does the shirt cost? ถ้าเป็นการถามแบบสุภาพ อาจจะถามว่า Could you tell me how much it costs? Could you tell me how much this costs? Could you please tell me how much this costs? ถ้าเป็นการถามเพื่อนว่า ซื้อมาราคาเท่าไร ให้ถามเป็น Past Tense เช่น Ho