บทความ

การแก้ไขข้อมูลจากหลายตาราง

รูปภาพ
ในกรณีที่ตารางหลักมีแต่ตัวเลข id ซึ่งมีการเชื่อมโยงจากตารางอื่น และต้องการให้ผู้ใช้แก้ไขข้อมูลในตารางหลัก จึงจำเป็นต้องนำข้อมูลจากตารางที่เกี่ยวข้องมาแสดง เพื่อให้ผู้ใช้เลือก และแก้ไขให้ถูกต้อง ในตัวอย่างต่อไปนี้ มีข้อมูล 3 ตาราง โดยมีตารางหลักคือ tblCourseSchedule ซึ่งเชื่อมโยงจาก 2 ตาราง แต่ละตาราง มีข้อมูลดังนี้ ต้องการให้ผู้ใช้แก้ไขข้อมูลในตาราง tblCourseSchedule ซึ่งมีแต่ตัวเลข จำเป็นต้องนำข้อมูลจากตารางอื่นมาแสดงให้เห็น โดยใช้ Listbox แสดงข้อมูลให้เลือก เพื่อแก้ไขอีกทีหนึ่ง หน้าจอ มีดังนี้ หลักการ สร้าง Query โดยใช้ข้อมูลจาก 3 ตาราง เพื่อให้แสดงข้อความของแต่ละ Record ในตาราง tblCourseSchedule สร้าง Listbox โดยกำหนดให้ใช้ Query ที่สร้่าง เป็น Row Source ของ Listbox เมื่อมีการคลิก ให้นำค่าไปไว้ใน Textbox และ Combobox  เมื่อคลิกปุ่มแก้ไข หรือ ลบ ให้ปรับข้อมูลในตาราง tblCourseSchedule ปัญหา           Combobox นำข้อมูลมาจากตาราง tblVenue เพื่อให้ผู้ใช้เลือกสถานที่ การนำชื่อสถานที่มาแสดง ทำอย่างไร จึงจะให้ตรงกับสถานที่ ที่อยู่ใน Listbox ที่ผู้ใช้ระบุว่า

sumproduct() ฟังก์ชันการรวมที่น่าสนใจ

รูปภาพ
SUMPRODUCT เป็นสูตรที่ใช้สำหรับ การหาผลคูณของคอลัมน์ตั้งแต่ 2 คอลัมน์ขึ้นไป และเอาผลที่ได้จากการคูณนั้น มารวมกัน เช่น จากภาพ ถ้าเราไม่ใช้ SUMMPRODUCT หาผลรวมของทั้งหมด เราอาจจะหาผลคูณ ของแต่ละรายการ แล้วนำมารวมกัน เป็นผลรวมทั้งหมด เช่น F3 เขียนสูตร D3*E3, F4เขียนสูตร D4*E4 ไปเรื่อย ๆ ...จากนั้น จึงหาผลรวม เช่น ที่ F8 เขียนสูตรว่า Sum(F3:F6) ก็จะได้ ดังนี้ จะเห็นว่า มีการทำงาน 2 ขั้นตอน คือต้องหาผลคูณก่อน แล้วจึงนำมารวมกันอีกครั้ง  แต่ถ้าใช้สูตร SUMPRODUCT ซึ่งโปรแกรมจะทำงานเช่นเดียวกับข้างต้น คือหาผลคูณแต่ละรายการ และนำผลที่ได้มารวมกัน ข้อแตกต่างคือ ทำเพียงครั้งเดียว และสามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งจะได้แสดงให้ดูต่อไปว่า ยืดหยุ่นได้อย่างไร ผลที่ได้จากการใช้ SUMPRODUCT ในช่อง F8 มีดังนี้ หลักการ SUMPRODUCT ต้องการข้อมูลที่เป็น array หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นข้อมูลชุดที่ติดต่อกัน เช่นในตัวอย่าง เป็นข้อมูลในคอลัมน์ ถ้ามีมากกว่า 1 คอลัมน์ ข้อมูลนั้น ต้องมีจำนวนเท่ากัน เราสามารถเพิ่มความยืดหยุ่น โดยการกำหนดเงื่อนไขในแต่ละคอลัมน์ได้ วิธีการ กรอกข้อมูล ดังภาพ ที่ช่

การแปลงคะแนนดิบ เป็นคะแนนที (T-score) ด้วย Excel 2010

รูปภาพ
ทำไมจึงต้องแปลงเป็นคะแนนที ข้อมูลคะแนนดิบที่ได้จากการทดสอบ เป็นคะแนนที่ไม่ค่อยมีความหมายมากนัก เช่น ผู้เรียนสอบได้คะแนนวิชาภาษาไทย 35 คะแนน เราไม่ทราบว่า ผู้เรียนคนอื่น ๆ ในระดับเดียวกัน ที่เข้าสอบวิชาภาษาไทย ได้คะแนนเท่าไร คะแนนเฉลี่ยของการสอบเป็นอย่างไร ดังนั้น คะแนน 35 คะแนน ไม่สามารถบอกได้ว่า ผู้เรียนคนนี้ เรียนเก่ง หรืออ่อน และโดยเฉพาะ ถ้าเราจะเปรียบเทียบคะแนนระหว่างวิชาภาษาไทย กับวิชาอื่นของผู้เรียนคนนี้ เพื่ออยากรู้ว่า เรียนถนัดวิชาอะไรบ้าง เราก็ไม่สามารถที่จะนำคะแนน 35 ไปเปรียบเทียบกับคะแนนดิบของวิชาอื่น ๆ ได้ เนื่องจาก เราไม่ทราบว่าวิชาเหล่านั้น ผู้เข้าสอบทำข้อสอบได้เป็นอย่างไร ค่าเฉลี่ยของวิชานั้น ๆ เป็นเท่าไร การกระจายของคะแนนเป็นอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องแตกต่างกันอย่างแน่นอน จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เหมือนกับเป็นคนละหน่วยกัน จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องแปลงคะแนนดิบ ให้เป็นคะแนนที (T-score) เพื่อทำให้คะแนนมีความหมายมากขึ้น และอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ วิดีโอสาธิต การแปลงคะแนนดิบเป็นคะแนนที ทำไ

การแปลงคะแนนดิบ เป็นคะแนนที (t-score) ด้วยโปรแกรม PSPP

รูปภาพ
โปรแกรมคำนวณค่าสถิติ ที่ไม่ต้องซื้อ แต่เป็น Freeware ตัวนี้ชื่อ PSPP  ผมทดสอบดูแล้วใช้งานได้ดีมาก PSPP มีลักษณะเช่นเดียวกับโปรแกรม SPSS มีหน้าตาและการใช้งาน ลักษณะเดียวกัน สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งบน Windows ได้ มีทั้ง 64 bits และ 32 bits ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ http://www.gnu.org/software/pspp/pspp.html ต่อไปนี้ จะเป็นการใช้โปรแกรม PSPP เพื่อแปลงคะแนนดิบ เป็นคะแนนที จากคะแนนดิบของผู้เรียน จำนวน  68 คน หลักการ กำหนดตัวแปร กรอกคะแนนดิบ หาค่าคะแนน z-score แปลงคะแนน z-score เป็น คะแนน t-score วิธีการ เปิดโปรแกรม PSPP คลิกที่แถบ Variable View เพื่อกำหนดตัวแปร กำหนดตัวแปรแรก คือ raw_score (ชื่อตัวแปรห้ามมีวรรค) และกำหนดประเภทเป็น ตัวเลข กลับมาที่หน้า Data View และกรอกคะแนนดิบ ต่อไปนี้ (โปรแกรมสามารถ ถ่ายโอนหรือ import ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น ไฟล์ txt ได้) 83 79 77 74 71 70 67 66 65 65 65 65 64 63 63 63 63 63 62 60 60 60 60 59 59 59 58 57 57 56 56 54 54 54 53 53 53 52 51 50 50 50 50 49 48 48 48 48 47 47 47 45 45 45 44 44 43 43 43 40 40 40 40 39 39 38 38 3

การปรับภาพlสแกนให้เข้มขึ้น ด้วย Photoshop CS5

รูปภาพ
วันนี้เห็นใบเสร็จรับเงินซื้อเครื่องซักผ้าจางมากเกือบมองไม่เห็น แต่ยังไม่หมดประกัน ประกันยังอยู่อีกตั้งหลายปี จำเป็นต้องสแกนใบเสร็จเอาไว้ก่อน เผื่อจางจนอ่านไม่เห็น อาจจะมีปัญหาไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ เนื่องจากต้นฉบับจางมาก เวลาสแกนออกมาแล้ว เกือบมองไม่เห็น จึงต้องปรับความเข้าให้มองเห็นให้ชัดขึ้น ต้นฉบับสแกนเป็นภาพสีด้วยความเข้ม 300 dpi คือผลการปรับภาพจากสแกน ให้มองเห็นได้ดีขึ้น ด้วย Photoshop CS5 ซึ่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้การปรับภาพแบบ Levels ไม่จำเป็นต้องปรับค่าอื่น ๆ ก็ใช้ได้ทันที วิธีการ เปิดโปรแกรม Photoshop และนำภาพเข้า ไปที่่ Image > Adjustments > Level... ปรับให้ภาพมีสีดำเพิ่มมากขึ้น โดยปรับตำแหน่ง ดังภาพ ถ้าต้องการภาพสี อาจจะใช้ Color Balance ก่อน แล้วจึงปรับ Contrast ก็ได้ ดังภาพ

ทับทิม: ผลไม้มากประโยชน์

รูปภาพ
ทับทิม (Pomagranate) ปกติทับทิม 1 ลูก มีประมาณ 600 เมล็ด เมล็ดท้บทิมเหล่านี้ แม้ว่าจะกินแล้วมีความรู้สึกแข็ง ๆ ไม่ค่อยมีความอร่อยเท่าไหร่ แต่มากไปด้วยประโยชน์มหาศาลต่อร่างกาย เพราะ มีแครอลี่ต่ำ มีวิตามินสูง มี สารพฤกษเคมี (Phytochemicals) สูง ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยบำรุงหัวใจ และช่วยป้องกัน มะเร็งร้าย ทับทิมให้วิตามินซี และวิตามินเค เมล็ดท้บทิม 100 กรัม มีวิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม (mg) หรือประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนวิตามินซีที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน  (DV -- Daily Value) และมีวิตามินเค จำนวน 16 ไมโครกรัม (mcg) หรือประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนวิตามินซีที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน วิตามินซี ช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการต้านทานโรคร้ายต่าง ๆ ช่วยรักษาแผล ทำให้เหงือกแข็งแรง และช่วยให้ร่างกายผลิดคอลลาเจน(Collagen) และ อิลาสติน(Elastin) และช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก (Iron) ได้ดีขึ้น           คอลลเจน(Collagen) มีหน้าที่สำคัญในการเชื่อมและยึดจับเซลล์เนื้อเยื่อเข้าด้วยกัน เช่น เส้นเอ็น ข้อต่อกระดูกต่างๆ รวมถึงช่วยเสริมการสร้างเนื้อเย