บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2011

กล้วย บำรุงสุขภาพ

กล้วยเป็นอาหารบำรุงสุขภาพ อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารต่าง ๆ มากมาย กล้วยมี วิตามินซี โปแตสเซี่ยม และเส้นใยอาหาร กล้วยไม่มีโซเดียม ไขมัน หรือคอเลสเตอรอล วิตามินซีในกล้วย ช่วยป้องกันและรักษาอาการอักเสบ ช่วยสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue)เชื่อมโยงยึดเหนี่ยวอวัยวะและโครงสร้างต่าง ๆ ของร่างกายให้อยู่รวมกัน และ ค้ำจุนร่างกาย นอกจากนี้ วิตามินซีในกล้วย ยังช่วยดูดซับธาตุเหล็ก และสร้างเม็ดเลือดอีกด้วย โปแตสเซี่ยมในกล้วย ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะ อาหารที่มีโปแตสเซี่ยมสูง จะช่วยป้องกันความดันเลือดสูง และอัมพาต (stroke) อีกด้วย กล้วยให้พลังงานแก่ร่างกายได้ทันทีทันควัน เนื่องจากมีน้ำตาลธรรมชาติ ได้แก่ ซูโคลส(sucrose) ฟรุทโตส(fructose) และกลูโคส (glucose)ดังนั้น เมื่อร่างกายอ่อนเพลีย สามารถรับประทานกล้วย เพื่อให้พลังงาน แก่ร่างกายได้ทันที กล้วยมีวิตามินบี 6 ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย และสร้างเม็ดเลือดแดง และระบบประสาท(nervous system) รับประทานกล้วย ช่วยบำรุงสมอง กล้วยได้ชื่อว่า เป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรทมากกว่าผลไม้อื่น ซึ่งเป็นผลดี เพราะร่างกายได้รับแคลอลี่จากคา

โฟเลต (Folate) คืออะไร

โฟเลต (Folate) คือ วิตามินบีที่ละลายน้ำได้ ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางในการตั้งครรภ์ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับหญิงมีครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โฟเลต ช่วยในการสร้างเซลล์ของร่างกาย โดยเฉพาะสำหรับทารกในครรภ์มารดา โฟเลทฃช่วยสร้าง DNA และ RNA ซึ่งจำเป็นในการสร้างเซลล์ ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ต้องการโฟเลต เพื่อสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยระษาระดับกรดอะมิโน การขาดโฟเลต ถ้าเป็นในหญิงตั้งครรภ์ อาจจะให้กำเนิดเด็กที่น้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ คลอดก่อนกำหนด หรือเกิดภาวะ neural tube defects ในเด็กแรกเกิด จะทำให้เจริญเติบโตช้า และถ้าเป็นการขาดโฟเลตในผู้ใหญ่จะทำให้เป็นโรคโลหิตจาง โฟเลตพบในอาหาร โดยเฉพาะผักใบสีเขียว ผลไม้ กล้วย ส้ม แคนตาลูป และถั่วต่าง ๆ นอกจากนี้ยังพบในเนื้อวัว และตับไก่ อ้างอิง http://ods.od.nih.gov/factsheets/folate/ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=marquez&group=8&date=18-05-2007&gblog=20

กระเจี๊ยบ อาหารสำหรับหญิงมีครรภ์

รูปภาพ
กระเจี๊ยบ หรือผักกระเจี๊ยบ เป็นอาหารพื้นบ้านของไทย หญิงมีครรภ์ควรรับประทานเป็นอย่างยิ่ง เพราะในกระเจี๊ยบมีกรดโฟลิค (folic acid) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองของทารกในครรภ์มารดา ในช่วงสัปดาห์ที่ 4-12 นับแต่การปฏิสนธิ กระเจี๊ยบเป็นพืชผักที่มีมาแต่โบราณ พบว่ามีปลูกในประเทศเอธิโอเปีย เป็นเวลากว่า 3,500 ปี มาแล้ว เป็นพืชท้องถิ่นแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ทวีปแอฟริกาตอนเหนือ และตะวันออกกลาง ยางเมือกเหนียว (mucilage) และเส้นใยของกระเจี๊ยบ ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด โดยการดูดซึมภายในลำไส้เล็ก เส้นใยอาหารของกระเจี๊ยบ ช่วยบำรุงรักษาระบบทางเดินอาหาร ช่วยดูดซับน้ำ คอเลสเตอรอบส่วนเกิน และช่วยไม่ให้ท้องผูกได้อีกด้วย บำรุงรักษากระเพาะและลำไส้ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก กระเจี๊ยบเป็นยอดอาหารการลดน้ำหนัก การปรุงอาหารไม่ควรให้สุกจนเกินไป เพราะจะทำให้สูญเสียคุณค่าทางอาหาร โดยเฉพาะยางเมือกเหนียวของกระเจี๊ยบก็จะสูญเสียไปด้วย กระเจี๊ยบช่วยส่งเสริมแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ (probiotics) และช่วยสังเคราะห์วิตามินบีรวม อีกด้วย ว่ากันว่า กระเจี๊ยบช่วยให้ผมมีสปริง โดยหั่นกระเจี๊ยบตามขวาง แล้วต้มแล้วทำให้เย็นแล้

ฟักทอง พืชผักที่อุดมไปด้วยวิตามิน

รูปภาพ
ฟักทองได้ชื่อว่าเป็นพืชผักที่อุดมไปด้วยวิตามินต่อต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซี และ วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น leutin xanthins และ carotenes เป็นต้น ฟักทองมีแคลอลี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมคอเรสเตอรอลและผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ฟักทองไม่มีไขมันอิ่มตัว(saturated fats)มีเส้นใยอาหารที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก วิตามินเอในฟักทอง ช่วยเรื่องผิวพรรณ บำรุงสายตา มีการวิจัยยืนยันว่า อาหารที่มีวิตามินเอสูง ช่วยป้องกันมะเร็งปอด และมะเร็งในช่องปากได้ มาปลูกฟักทองเป็นผักสวนครัวกันดีกว่า ฟักทองเป็นพืชเถาปลูกได้ทั่วไป เป็นพืชผักที่แมลงไม่ค่อยชอบทำลาย อายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 120-180 วัน ผักทองแต่ละต้น จะให้ผลได้ 4-5 ผล ถ้าดูแลดี ๆ จะให้ผลได้ถึง 7 ผล ต่อต้นทีเดียว ลักษณะนิสัยของฟักทอง ฟักทองเป็นพืชผักที่มีลำต้นทอดและเลื้อยไปตามพื้นดิน เช่นเดียวกับแตงโม มีดอกสีเหลือง ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะแยกกันแต่อยู่ในต้นเดียวกัน ดังนั้น จึงต้องการช่วยผสมเกสร โดยวิธีธรรมชาติ เช่น ลมพัด หรือมีแมลงผสมเกสร หรือผู้ปลูกช่วยผสมเกสรเพื่อการติดผล ฟักทองเป็นไม้เถาอ่อน มีขนสากมือ มีหนวด

ตัวห้ำ แมลงมีประโยชน์

รูปภาพ
วันก่อนพูดเรื่อง ตัวห้ำและตัวเบียน วันนี้ เราจะมาดูตัวห้ำกันอีกครั้งนะครับ เมื่อเห็นตัวห้ำในแปลงผักจะได้ไม่ทำลายแมลงที่ช่วยเราให้มีผักรับประทาน และช่วยรักษาสมดุลของธรรมชาติอีกด้วย ด้วงเต่า ด้วงเต่าตัวห้ำ กัดกินแมลงศัตรูพืช เช่น ไข่แมลง ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของเพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย เพลี้ยไป ไร มวนเพชฌฆาต มวนเพชฌฆาต ระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ทำลายแมลงศัตรูพืชทั้งระยะตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัยที่มีลำตัวอ่อนนุ่ม โดยเจาะดูดน้ำเลี้ยงจากศัตรูพืช มวนพิฆาต มวนพิฆาต ระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ทำลายแมลงศัตรูพืชทั้งระยะตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัยที่มีลำตัวอ่อนนุ่ม โดยเจาะดูดน้ำเลี้ยงจากศัตรูพืช มดตัวห้ำ มดตัวห้ำ กัดกินไข่ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัยแมลงศัตรูพืช ตั๊กแตนหนวดยาว ตั๊กแตนหนวดยาวตัวห้ำ กัดกินไขหนอนกอ ตัวอ่อนเพลี้ยกระโดด แมลงสิง ด้วงดิน ด้วงดิน ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยกัดกินศัตรูข้าว เช่น เพลี้ยกระโดด เพลี้ยจักจั่น แมลงช้างปีกใส แมลงช้างปีกใส ตัวอ่อนแมลงช้างปีกใส กัดและดูดกินแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยอ่อน แมลงหวี่ขาว หนอนขนาดเล็ก

Excel Pivot Table ตารางไขว้

รูปภาพ
สำหรับ Excel 2007/2010 PIVOT TABLE มีประโยชน์มากสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลบนแผ่นงานของ Excel ตารางไขว้ หรือ Pivot Table ทำให้เราสามารถดูข้อมูลในแผ่นงานได้ง่ายขึ้น เปรียบเทียบง่ายขึ้น เช่น สมมติว่าเรามีข้อมูลเกี่ยวกับ ร้านที่รับสินค้าของเราไปจำหน่าย จำนวนหลายร้าน และมีสินค้าหลายตัว เราสามารถวิเคราะห์ดูว่า ร้านแต่ละร้านสั่งสิ้นค้าอะไร เป็นจำนวนเท่าไร รวมเป็นเงินเท่าไร โดยใช้ pivot table หรือ ตารางไขว้ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล (ดูตัวอย่างไฟล์ คลิกที่นี่ ) สมมุติว่า มีข้อมูล ดังนี้ จากข้อมูลข้างบนนี้ เราสามารถจะให้ Excel วิเคราะห์ข้อมูล จัดรูปแบบเสียใหม่ (โดยใช้ข้อมูลชุดนี้) เช่น สรุปข้อมูลตามร้าน และรวมจำนวนสินค้าที่รับไปจำหน่าย ดังนี้ หรืออาจจะให้แสดงทั้งจำนวนที่รับไป และรวมเงินทั้งหมด แยกเป็นแต่ละร้าน ก็ได้ ดังนี้ จากตารางข้างบน จะเห็นว่า ร้าน จ.เครื่องเขียน สั่งเครื่องเย็บ ไป 81 ตัว เป็นเงินทั้งสิ้น 6480 บาท เป็นต้น จะเห็นได้ว่า เมื่อมีการเรียงข้อมูลใหม่ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ เปรียบเทียบข้อมูลต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ด้วยการใช้ pivot table ของ Excel

ทุเรียน ไม่มีคอเรสเตอรอล

รูปภาพ
ทุเรียน ไม่มีคอเรสเตอรอล เป็นเรื่องแปลกเพราะ พอพูดถึงทุเรียน บางคนบอกว่า มีคอเรสเตอรอลมากกว่ากินขาหมูเสียอีก เว็บไซต์ www.nutrition-and-you.com รายงานว่า ทุเรียนไม่มีคอเรสเตอรอล แต่ยอมรับว่า มีไขมันสูงกว่าผลไม้อื่นๆ ข้อมูลนี้ ดูเหมือนจะสอดคล้อง กับการวิจัยของ รศ.ดร.ระติพร หาเรือนกิจ, รศ.ดร.สุมิตรา ภู่วโรดม จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ Professor Dr.Shela Gorinstein จาก มหาวิทยาลัยฮิบบรูและคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยการเกษตรวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ที่ระบุว่า หนูทดลองที่ได้รับทุเรียนหมอนทองในอาหาร สามารถลดสารคอเลสเตอรอล ทั้งหมดได้ 16% และลด LDL คอเรสเตอรอลได้ถึง 31.3% LDL เป็นคอเรสเตอรอลตัวร้าย ที่ไปสะสมในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดอุดตันได้ นอกจากนี้ ทุเรียนยังมี แร่ธาตุ สารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ ที่มีประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น วิตามินซี บี9(โฟเลต) บี 6 กำมะถัน โปรตีน(กรดอะมิโน) โปแตสเซี่ยม แมงกานีส แมกนีเซียม เหล็ก เส้นใยอาหาร(ไฟเบอร์)ทองแดง คาร์โบไฮเดรท และน้ำตาล (simple sugar) ที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที เช่น fructose และ sucrose เป็นต้น โดยสรุป กินทุเรีย

กล้วยน้ำว้า

กล้วยน้ำว้าให้พลังงานมากที่สุด กล้วยน้ำว้าห่ามและสุกมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี มีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น กินกล้วยน้ำว้าสุก จะช่วยระบายท้องและสามารถรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันในเด็กเล็กได้ ช่วยลดอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกที่มีอาการไอแห้งร่วมด้วย โดยกินวันละ ๔-๖ ลูก แบ่งกินกี่ครั้ง ก็ได้ กินกล้วยก่อนแปรงฟันทุกวันจะทำให้ไม่มีกลิ่นปาก และผิวพรรณดี เห็นผลได้ใน ๑ สัปดาห์ กล้วยน้ำว้าดิบและห่ามมีสารแทนนิน เพคตินมีฤทธิ์ฝาดสมาน รักษา อาการท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้ โดยกินครั้งละครึ่งผล หรือ ๑ ผล อาการท้องเสียจะทุเลาลง นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยยังพบว่า มีผลในการรักษาโรคกระเพาะได้อีกด้วย กล้วยดิบรักษาอาการท้อง เสียที่ไม่รุ่นแรง โดยใช้กล้วย น้ำว้าห่าม รับประทานครั้ง ละครื่งผล-หนึ่งผล หรือ ใช้กล้วยน้ำว้าดิบ ฝานเป็น แว่นตาก แดด ให้ แห้ง บด เป็นผง ชงน้ำดื่มครั้ง ละครึ่งผลถึงหนึ่ง ผล หรือบดเป็นผง ปั้นเป็น ยาลูกกลอนรับประทานครั้งละ 4 เม็ค วันละ 2 ครั้ง

ปุ่มถูกใจ บนหน้าเว็บ ด้วย XFBML

รูปภาพ
การนำปุ่มถูกใจ ของ Facebook มาปิดไว้บนหน้าเว็บของเรา ทำให้เว็บเป็นเว็บสังคม ที่ทำให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น และบอกต่อ เป็นก้าวหนึ่งในการทำให้ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายไปสู่คนอื่น ๆ ตัวอย่าง ปุ่ม ถูกใจ หรือดูตัวอย่าง ปุ่ม ถูกใจ ที่ใช้งานจริง ที่เว็บของ สถาบัน กศน.ภาคกลาง ปุ่มถุกใจ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ ใช้ Iframe ใช้ XFMBL (Extended Facebook Markup Language) การใช้ Iframe เป็นวิธีที่ง่าย โดยไปที่ http://developers.facebook.com/docs/reference/plugins/like/ และกรอกข้อมูล URL ของเว็บ เลือกให้แสดงภาพของผู้คลิก กำหนดขนาด และอื่น ๆ เมื่อได้โค้ดแล้ว ให้นำมาวางในตำแหน่งที่ต้องการ การใช้ XFBML ทำอะไรได้มากกว่าการใช้ Iframe แต่ต้องเรียกใช้ JavaScript SDK และ ต้องกำหนดให้หน้าเว็บเป็น application ของ Facebook ซึ่งทำได้ไม่ยาก วิธีการสร้าง ปุ่มถูกใจ ด้วย XFBML มีดังนี้ กำหนดให้หน้าเว็บเป็น Application ของ Facebook ซึ่งจะทำให้หน้าเว็บสามารถใช้ JavaScript SDK ได้ และจะได้รับหมายเลข ID สำหรับระบุว่าเป็นเว็บของเราต่อไปก่อนอื่น ต้องเป็นสมาชิกของ Facebook และ Login เข้าสู่ระบบของ F

ตัวห้ำตัวเบียน

รูปภาพ
ในวิถีเกษตรธรรมชาติ เรามีผู้ช่วยคือ ตัวห้ำและตัวเบียน มาช่วยงาน ช่วยปรับสมดุลธรรมชาติ ช่วยปราบแมลงด้วยกันเอง ทำให้พืชผักที่เราปลูกอยู่ได้ตามธรรมชาติ ตัวห้ำตัวเบียน เป็นแมลงศัตรูธรรมชาติ ที่ช่วยสร้างความสมดุลของธรรมชาติ ตัวห้ำ คือแมลงที่กินแมลงชนิดเดียวกันเป็นอาหาร ส่วน ตัวเบียน คือ แมลงที่เกาะอาศัยอยู่ในหรือนอกร่างกายของแมลงตัวอื่นและเบียดเบียนหรือดูดกินแมลงที่มันอาศัยอยู่ ในทำนองเดียวกับพยาธิหรือกาฝากนั่นเอง ตัวห้ำ ตัวห้ำ กินแมลงชนิดเดียวกันเองเป็นอาหาร เรียกว่าเป็นนักล่า (Predator) แบ่งออกเป็น 2 พวกใหญ่ ๆ คือ 1. พวกที่มีความว่องไว กระตือรือร้นในการออกหาเหยื่อ พวกนี้มักจะมีอวัยวะที่ตัดแปลงไปเพื่อช่วย ในการจับเหยื่อ เช่น มีขาขื่นยาวสำหรับจับเหยื่อ เช่น ตั๊กแตนตำข้าว บ้างก็มีตาใหญ่เพื่อเพิ่มความสามารถในการมองเห็นเหยื่อได้ชัดเจน เช่น แมลงปอ เป็นต้น 2. พวกที่กินเหยื่ออยู่กับที่ เช่น ด้วงเต่าลายกินเพลี้ยอ่อนซึ่งไม่มีอวัยวะดัดแปลงพิเศษแต่อย่างใด แมลงตัวหํ้าที่มีปากแบบกัดกินจะกัดเหยื่อเป็นชิ้นๆ แล้วเคี้ยวกินเป็นอาหารเช่น ตั๊กแตนตำข้าว แมลงปอ เป็นต้น ส่วนตัวหํ้าที่มีปากแบบแ

โปรตีน ช่วยเสริมสร้างร่างกาย

รูปภาพ
โปรตีน เป็นสารอาหารที่พบมากในเนื้อสัตว์ ถั่ว ไข่ และนม โปรตีนจำเป็นสำหรับร่างกาย เพราะเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์ในร่างกายของเรา โปรตีนให้พลังงาน ประมาณ ร้อยละ 10-15 ของพลังงานที่เราได้จากการรับประทานอาหาร ร่างกายใช้โปรตีนที่เรารับประทานจากอาหารต่าง ๆ ในการสร้างเซลล์ของร่างกาย สร้างฮีโมโกลบิล (hemoglobin) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเม็ดเลือดแดง ที่นำพาออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ ยังใช้สร้างสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ (cardiac muscle) และยังช่วยในด้านภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคต่าง ๆ ได้ เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีโปรตีนเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะย่อยโปรตีนเป็นกรดอะมิโน (amino acids)กรดอะมิโนบางอย่าง ร่างกายนำไปสร้างโปรตีนขึ้นใหม่เพื่อบำรุงรักษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก เลือด และอวัยะต่าง ๆ เป็นต้น ถ้าร่างกายขาดโปรตีน จะทำให้ร่างกายไม่เจริญเติบโตตามปกติ กล้ามเนื้อลีบ ความต้านทานโรคลดลง หัวใจอ่อนแอ ระบบการหายใจอ่อนแด และถึงตายในที่สุด โปรตีนที่เราได้จากการรับประทานอาหารบางอย่าง เป็นโปรตีนสมบูรณ์ (complete protein) โดยเฉพาะได้จากเนื้อสัตว

ไขมัน แหล่งพลังงานของร่างกาย

รูปภาพ
ทุกคนต้องรับประทานอาหารที่มีไขมัน เพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ถ้ารับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไป จะทำให้อ้วนได้ ร้ายกว่านั้น ถ้ามีไขมันชนิดอิ่มตัว(saturated fat)มากเกินไป จะทำให้ระดับคอเรสเตอรอลสูง เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เป็นโรคเบาหวาน ความดันเลือดสูง หรือแม้กระทั่งเป็นโรคมะเร็งบางอย่างได้ ไขมันนอกจากจะให้พลังงานแก่ร่างกายแล้ว ยังให้กรดไขมัน(fatty acids)ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง และนอกจากนี้ ยังช่วยดูดซึมสารอาหารบางอย่างได้อีกด้วย ไขมันมีหลายชนิด ไขมันบางอย่างให้คุณแต่บางอย่างเป็นไขมันตัวร้าย ทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ ดังนั้นจึงควรรู้จักไขมันชนิดต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงไขมันที่จะก่อปัญหา และบริโภคไขมันที่ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ประเภทของไขมัน ไขมันที่ให้คุณ (The Good Fats) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fat หรือ MUFAs)ช่วยลดคอเลสเตอรอลโดยภาพรวม ลด คอเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL cholesterol) และเพิ่ม คอเลสเตอรอลตัวดี (HDL cholesterol) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ยังได้ชื่อว่า สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวมีส่วนช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

คาร์โบไฮเดรท

อาหารที่เรากินส่วนใหญ่มีคาร์โบไฮเดรทที่จำเป็นต่อร่างกาย ร่างกายจะย่อยคาร์โบไฮเดรทเป็นน้ำตาล ซึ่งเป็นแหล่งพลังงาน ให้เรามีแรงในการทำงาน การเคลื่อนไหวร่างกาย ถ้าขาดคาร์โบไฮเดรทอาจจะแสดงอาการ เป็นตะคริว (muscle cramps) อ่อนเพลีย สมองทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนความต้านทานต่อเชื้อโรค และความเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ลดลง คาร์โบไฮเดรท ในอาหารที่เรารับประทาน สามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ชนิด คือ แบบง่าย (Simple carbohydrates) และซับซ้อน คาร์โบไฮเดรทแบบง่าย คาร์โบไฮเดรทแบบง่าย เป็นคาร์โบไฮเดรทที่ให้ความหวาน ได้มาจากน้ำตาลบริสุทธิ์ (refined sugars) เช่น น้ำตาลทรายขาว อาหารที่ใส่น้ำตาล จะมีคาร์โบไฮเดรทแบบง่าย เช่น ขนมหวาน นม และผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ นอกจากจะให้ความหวานแล้ว ยังได้สารอาหารอื่น เช่น วิตามิน เกลือแร่ และใยอาหาร อีกด้วย ร่างกายสามารถดูดซึมคาร์โบไฮเดรทชนิดนี้เข้ากระแสเลือดได้โดยตรง ในรูปของน้ำตาลกลูโคส ซึ่งให้พลังงานแก่ร่างกาย น้ำตาลกลูโคสจะไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด ไปยังทุกส่วนของร่างกาย กลูโคสในกระแสเลือดถ้าไม่อยู่ในระดับปกติ จะทำให้เกิดโทษได้ เช่น เกิดโรคเบาหวาน คาร์โบไฮ

ถั่วเขียว ปรับสภาพดิน

รูปภาพ
ที่ดินหน้าบ้าน ประมาณ 10 ตารางวา ผมกันเอาไว้ปลูกผัก แต่ดินที่นำมาถมปรับพื้นที่เป็นดินเหนียว ไม่เหมาะกับการปลูกผัก เพราะดินเหนียวระบายน้ำไม่ดี แต่ข้อดีของดินเหนียวคือมีสารอาหารต่าง ๆ อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ เพียงแต่ว่า พืชไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงต้องมีการปรับปรุงดินให้ร่วนซุยขึ้นมาบ้าง ผมเริ่มจากการใช้จอบฟื้นดิน และย่อยให้ดินเป็นก้อนเล็ก ๆ จากนั้นไปซื้อขี้วัวมา 20 กระสอบปุ๋ย ให้เขามาส่ง และผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน และนำเมล็ดถั่วเขียวที่ซื้อมาจากตลาด แช่น้ำทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง พอถั่วเขียวเริ่มเต่ง จึงนำไปหว่าน ช่วงเวลาที่หว่าน เป็นตอนเย็น เพราะอาศัยอุณหภูมิตอนกลางคืน ช่วยให้ถั่วเขียวปรับสภาพตัวเอง ถ้าหว่านตอนเช้า ตอนกลางวันอากาศร้อนเกินไป อาจจะทำให้เมล็ดถั่วเขียวชะงักการเจริญเติบโตได้ หลังจากหว่าน ประมาณ 1-2 วันเท่านั้น ถั่วเขียวขึ้นเห็นทันตา ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ถั่วเขียวเร่ิ่มมีดอก จึงใช้จอบฟื้นดินในบริเวณที่ปลูกถั่วเขียวอีกครั้ง เป็นการใช้ต้นถั่วเขียวเป็นปุ๋ยพืชสดผสมกับดิน และ หว่านถั่วเขียวอีกครั้ง เป็นรอบที่สอง พอถั่วเขียวขึ้นพอประมาณ จะฟื้นดินอีกครั้ง และผสมปุ

มะเขือพวง

รูปภาพ
มะเขือพวง มีสรรพคุณตามตำราแพทย์แผนไทยคือ ช่วยเจริญอาหาร ย่อยอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงธาตุ ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดี แก้ฟกช้ำ ไอเป็นเลือด ฝีบวมมีหนอง ผลดิบของมะเขือพวง ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับปัสสาวะและช่วยย่อยอาหาร การกินผลมะเขือพวงดิบเป็นอาหาร (เช่น ในเครื่องจิ้มชนิดต่าง ๆ) ก็คงมีสรรพคุณทางยาด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว มะเขือพวงยังเป็นอาหาร รับประทานดิบ ๆ จิ้มน้ำพริก หรือนำมาทำอาหารได้หลายอย่าง แต่ที่ขึ้นชื่อคงไม่พ้น แกงเนื้อมะเขือพวง และแกงเขียวหวาน มะเขือพวงมีสารอาหารหลายอย่าง เช่น คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล เส้นใยอาหาร ไขมัน โปรตีน วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 โฟเลต วิตามินซี แคลเซี่ยม เหล็ก แม็กนีเซียม ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แมงกานีส เป็นต้น มะเขือพวงเป็นพืชที่มีอายุยืน ปลูกไว้ 2-3 ต้น จะมีมะเขือพวงไว้กินตลอดปี มะเขือพวงปลูกง่าย ไม่ต้องการการดูแลรักษามากนัก ขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย การปลูกมะเขือพวง มะเขือพวงสามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น การเพาะเมล็ด,การปักชำลำต้น,การปักชำราก,การปักชำยอด,การตอนกิ่ง หรือการเพาะเลี้ยงเน

โฟเลต สารอาหารสำหรับทารกและหญิงมีครรภ์

โฟเลต (Folate) เป็นวิตามินในกลุ่มวิตามินบีที่ละลายน้ำได้ มีในผักสีเขียว folate มาจากภาษาละตินว่า folium หมายถึงใบไม้ โฟเลต นอกจากจะได้จากผักสีเขียวแล้ว ยังมีในอาหารอื่น ๆ อีก เช่น ผลไม้ ถั่ว มะเขือเทศ และน้ำส้ม เป็นต้น โฟเลต ช่วยสังเคราะห์ยีนหรือสารพันธุกรรม (DNA) ให้คงรูปโครโมโซม จำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์ และการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อต่าง ๆ จึงจำเป็นสำหรับทารกที่กำลังเจริญเติบโต และหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ช่วยลดโอกาสการเป็นโรคโลหิตจาง และช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด โฟเลตช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยเผาผลาญโปรตีนสำหรับร่างกาย ช่วยในการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโตของเซลล์ ช่วยป้องกันความพิการ ไม่สมประกอบ (neural tube defects) ของทารกที่จะเกิดมาดูโลก ความพิการนี้ อาจจะเกิดขึ้นได้ ในช่วงวันที่ 17-30 หลังการปฏิสนธิ ทำให้เด็กที่ออกมามีลักษณะที่ผิดปกติไปมาก จากเด็กทั่ว ๆ ไป ร่างกายต้องการโฟเลตไม่มากในแต่ละวัน ปกติหน่วยสารอาหารทั่ว ๆ ไป มีหน่วยเป็นมิลิกรัม แต่ ความต้องการโฟเลต มีหน่วยเป็นไมโครกรัม ซึ่งน้อยกว่ามิลิกรัมอยู่ หนึ่งพันเท่า หนึ่งกรัม เท่ากับ หนึ่งล้านไมโครกรัม คณะกรรมการจั

มะเขือ

รูปภาพ
มะเขือ เป็นพืชผักพื้นบ้าน ปลูกง่ายทุกฤดู และมีอายุยืน จึงเหมาะที่จะเป็นพืชสวนครัว เพราะอยู่ได้นาน และนำมารับประทานสดจากต้น อร่อยและได้คุณค่ามากกว่าซื้อที่ตลาด มะเขือ มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มากกว่า 80 ชนิด โดยเฉพาะในมะเขือ มีสาร phytonutrients ซึ่งเป็นตัวกำจัดอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่ทรงประสิทธิภาพ โดยทำงานร่วมกับวิตามินและแร่ธาตุ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของคนเรามีความแข็งแกร่งซึ่งจะช่วยป้องกันอันตรายจากโรคร้ายต่าง ๆ ได้ ที่ผิวของมะเขือมี nasuin ซี่งเป็นหนึ่งในจำนวนสารที่ประกอบเป็น photonutrients สาร nasuin ช่วยป้องกัน lipids ที่เยื่อหุ้มสมอง ช่วยป้องกันการโจมตีของอนุมูลอิสระ ทำให้สมองทำงานได้ตามปกติ Nasuin ช่วยกำจัดธาตุเหล็ก (iron) ส่วนเกินที่ร่างกายไม่ต้องการ ถ้าร่างกายมีธาตุเหล็กมากเกินไป จะทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular disease) และเสื่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด Nasuin ช่วยป้องกันข้อต่อ จากการเข้าทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) นอกจากนี้ ในมะเขือยาว มีสารประกอบ phenolic compounds ช่วยลดระดับคอเลสเต

ผักบุ้งจีน (Water Convolvulus หรือ Water Spinach)

รูปภาพ
ผักบุ้งจีนเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยต้านทานโรค วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา คนโบราณบอกว่า กินผักบุ้งแล้วตาหวาน ผักบุ้งจีนอุดมไปด้วย โปแตสเซี่ยม ซึ่งที่มีหน้าที่ควบคุมความสมดุลของน้ำในร่างกาย และมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกายเราหลายอย่าง เช่น กล้ามเนื้อหัวใจ เป็นต้น และนอกจากนี้ ผักบุ้งจีนยังช่วยป้องกันจอตา (Retina) เสื่อมได้ในผู้สูงอายุ การปลูกผักบุ้งจีน ผักบุ้งจีนปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด ดินที่เหมาะสมในการปลูกผักบุ้งจีน คือดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย ผักบุ้งจีนชอบชื้นแฉะ ต้องการความชื้นในดินสูงมากอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตอยู่ในช่วงที่สูงกว่า 25 องศาเซลเชียส ต้องการแสงแดดเต็มที ซึ่งประเทศไทยสามารถปลูกได้ดีตลอดไป โดยมีวิธีปลูกง่าย ๆ ดังนี้ ขั้นตอนในการปลูก 1. ทำแปลงปลูกผัก ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักใส่ผสมลงไปเพื่อให้ดินร่วนซุย สมบูรณ์ 2. เกลี่ยดินให้เสมอกัน และขีดเป็นแถวๆ ห่างกันประมาณ 12 - 15 ซม. ขวางทางยาวของแปลง 3. นำเมล็ดไปแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน (ถ้าต้องการให้งอกเร็วให้ต้มน้ำให้เดือดนำไปผสมกับน้ำให้อุณหภูมิอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส นำเมล็ดแช่น้

การปลูกผักสวนครัว ตามฤดูกาล

รูปภาพ
ผักสวนครัว ถ้าปลูกตามฤดูกาล จะได้ผลดี เพื่อให้ได้อุณหภูมิ และน้ำพอเหมาะ พืชบางอย่างต้องการน้ำน้อยและทนร้อน ก็ปลูกในฤดูร้อนได้ พืชบางชนิดต้องการอากาศหนาวจึงจะได้ผลดี พืชผักที่ควรปลูกในฤดูต่าง ๆ มีดังนี้ ผักที่ปลูกได้ตลอดปี ได้แก่ กวางตุ้ง คะน้า ผักตระกูลแตง ผักตระกูลถั่ว ผักตระกูลมะเขือ หอมแดง หอมแบ่ง สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง แมงลัก โหระพา กะเพรา ผักตำลึง ผักบุ้งไทย กระชาย ข่า ตะไคร้ บัวบก มะแว้ง มะเขือพวง พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู เป็นต้น พืชเหล่านี้ปลูกได้ตลอดปี และปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย ผักที่ควรปลูกใน ต้นฤดูฝน คือ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม ได้แก่ หอมแบ่ง ผักกาดเขียวกวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า พริกต่างๆ มะเขือต่างๆ ผักกาดหัว ผักกาดหอม บวบ มะระ ฟักเขียว แฟง แตงกวา ข้าวโพดหวาน ถั่วฝักยาว ถั่วพุ่ม น้ำเต้า ถั่วพู กระเจี้ยบเขียว ผักที่ควรปลูก ปลายฤดูฝน ผักใดที่ปลูกต้นฤดูฝนก็ปลูกได้ผลดีในปลายฤดูฝน ยิ่งกว่านั้นยังปลูกผักฤดูหนาวได้อีกด้วย เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปม บร็อคโคลี่ ถั่วลันเตา หอมหัวใหญ่ แครอท แรดิช ผักชี ผักกาดเขียวปลี ผักกาดขาวปลี ผักกาดหอมห่อ ข้าวโพดหวาน แตงเท