บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2018

เตรียมสอบ ก.พ. วิชาภาษาอังกฤษ (บทสนทนายาว)

รูปภาพ
การสอบ ก.พ. วิชาภาษาอังกฤษ มักจะมีบทสนทนาที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น การสัมภาษณ์เข้าทำงาน เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะวัดความรู้ด้านภาษาแล้ว อาจจะมีการวัดด้านความเหมาะสม ในการใช้ภาษาด้วย ตัวอย่างบทสนทนาต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างการวัดทั้งด้านภาษา และการใช้ให้ถูก เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วย สำหรับ ข้อ 1-7 Mr. A: Hi, nice to meet you. Mr. B: ...........(1)............. Mr. A: What job are you applying for? Mr. B: ...............(2)........................ Mr. A: How much experience do you have in this field? Mr. B: ...................(3)....................... Mr. A: Why did you leave your former company? Mr. B: .......................(4)........................ Mr. A: Can you tell me what your strengths are? Mr. B: ..................(5)............................ Mr. A: What do you see as your weaknesses? Mr. B: .................... (6)....................... Mr. A: O.K. I will let you know of our decision by e-mail. Mr. B: Thank you. ........... (7)................ ข้อ 1.

How do you feel? VS What do you feel?

How do you feel? กับ What do you feel? ใช้ต่างกันอย่างไร ถ้าแปลเป็นไทย ก็เป็นคำถามง่าย ๆ ว่า รู้สึกอย่างไร How do you feel? คุณรู้สึกอย่างไร What do you feel? คุณรู้สึกอย่างไร ภาษาไทยเรา ไม่มีการแยกแยะความรู้สึกระหว่าง ความรู้สึกทางอารมณ์ เช่น เจ็บใจ ปวดร้าว มีความสุข หรืออื่น ๆ กับความรู้สึกทางร่างกาย เช่น เจ็บ ปวด หนาว ร้อน เป็นต้น แต่ในภาษาอังกฤษ ถ้าต้องการถามเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึก เขาจะถามว่า How do you feel? ซึ่งเป็นคำถามที่น่าจะใช้กันมาก ครูภาษาอังกฤษบางคน เลยเหมาเอาว่า ห้ามถามว่า What do you feel? เด็ดขาด ความจริงถามได้นะครับ เช่น หมออาจจะถามกคนไข้ว่า ตอนนี้รู้สึกอย่างไร (เพราะต้องการทราบอาการของคนไข้ เช่น  ปวดหัวไหม หรือปวดท้อง เป็นต้น) ถ้าเป็นการถามถึงความรู้สึกทางร่างกาย ก็จะถามว่า What do you feel? ตัวอย่าง How do you feel when raindrops spatter the window? คุณรู้สีออย่างไรเมื่อเม็ดฝนโปรยปรายลงมากระทบ(กระจก)หน้าต่าง? (เปล่าเปลี่ยว/ เหงา/ คิดถึงบ้าน/ คิดถึงความหลัง/ ฯลฯ) What do you feel when you put your hand outside the window when it r

สำนวน go to the sea, go to the beach, go to the seaside, go to the mountains

วันนี้ จะพูดเรื่องที่ดูง่าย ๆ แต่มักจะผิด คือ สำนวนเกี่ยวกับคำว่า go หรือ ไป สำนวน go to the sea ถ้าแบบไทย ๆ ก็เป็นที่เข้าใจกันว่า ไปเที่ยวทะเล แต่สำนวนนี้ คนอเมริกัน หรือ คนอังกฤษ ฟังดูจะแปล่ง ๆ สักหน่อย และเผลอ ๆ บางที ก็อาจจะเข้าใจผิด คิดว่า เป็นการออกเรือหาปลาไปเลย ก็เป็นไปได้ ถ้าจะพูดว่า ไปเที่ยวทะเล ควรใช้สำนวนว่า go to the beach go to the ocean go to the seaside go to the shore go to the seashore เช่น A: Where did you go on your last vacation? B: I went to the beach. คำว่า I went to the beach. หมายถึงไปเที่ยวทะเล ซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงว่า เป็นที่ไหน อาจจะเป็นที่พัทยา ภูเก็ต หรือ หาดเจ้าหลาว เป็นต้น ถ้าจะบอกให้เฉพาะลงไปเลย ก็พูดว่า I went to Phuket. คำว่า go to the sea ถ้าตรงความหมายก็คือ ไปทะเลแห่งนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ไปเที่ยวพักผ่อน แต่เป็นการไปเฉย ๆ ไม่ได้ ไปเที่ยว  ไม่ได้ ไปนอนริมทะเล  ไม่ได้ ไปว่ายน้ำชายหาด  ไม่ได้ ไปเล่นกระดานโต้คลื่น เป็นต้น อีกสำนวนหนึ่ง ที่มีคล้ายกัน แต่ความหมายผิดกันคือคำว่า go to sea go to sea เป็นสำนวน หมายถึง ออกเรือไปหาปลา

การถามราคาสิ่งของ เป็นภาษาอังกฤษ

การถามราคาสิ่งของเป็นภาษาอังกฤษ ดูเป็นเรื่องง่าย แต่หลายคนก็ถามไม่ถูก เช่น ถามว่า What is the prize? How much is the price? How do you sell it? เป็นต้น การถามราคาสิ่งของกับผู้ขาย เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าถามแบบสั้น ๆ ก็ถามว่า How much? What is the price? (price ≠ prize) ถ้าจะให้ดี ถามเป็นประโยคดีกว่า ให้ใช้รูปแบบ How much is/are + ....? หรือ What is the price of + .....? ตัวอย่าง How much is this shirt? How much are these oranges? What is the price of this shirt? ในกรณีที่หยิบของขึ้นมา หรือชี้ให้คนขายดู อาจจะไม่ต้องบอกว่าเป็นอะไร ก็ได้ ถามตรง ๆ เช่น How much is this? How much is it? นอกจากนี้ อาจจะถามแบบอื่น ๆ อีก ก็ได้ เช่น What does it cost? What does this cost? What does this cost exactly? What exactly does the shirt cost? ถ้าเป็นการถามแบบสุภาพ อาจจะถามว่า Could you tell me how much it costs? Could you tell me how much this costs? Could you please tell me how much this costs? ถ้าเป็นการถามเพื่อนว่า ซื้อมาราคาเท่าไร ให้ถามเป็น Past Tense เช่น Ho

เตรียมสอบ ก.พ. วิชาภาษาอังกฤษ: คำศัพท์

รูปภาพ
การเตรียมสอบ ก.พ. ภาค ก. วิชาภาษาอังกฤษ ครั้งนี้ จะเป็นเรื่อง คำศัพท์ภาษาอังกฤษ นะครับ ยิ่งเตรียมตัวดี ยิ่งมีโอกาสผ่านได้ง่าย เพราะ เรื่องคำศัพท์ ต้องอาศัยการทำข้อสอบให้มาก ยิ่งเจอมาก ยิ่งได้กำไร อย่างลืมคลิกดูเฉลย ด้วยนะครับ คำสั่ง: Select the most appropriate choice for each item. ข้อ 1. We need to cheer Pramote up. He's ..................... because he lost his wife in the car accident. 1. stubborn 2. depressed 3. worn out 4. flexible dummy text We need to cheer Pramote up. He's ............ because he lost his wife in the car accident. พวกเราต้องให้กำลังใจปราโมทย์หน่อย เขากำลัง ....................... เพราะเขาสูญเสียภรรยา ในอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น 1. stubborn (ดื้อรั้น) 2. depressed (เสียใจ)✔ 3. worn out (หมดแรง เหนื่อยมาก เช่น จากการทำงานหนัก) 4. flexible (ยืดหยุ่น) คำอธิบาย cheer up = ทำให้มีความสุขขึ้น ให้กำลังใจ คำตอบที่ถูก คือ ข้อ 2

มันแกว ของถูกและดี กินแทนข้าว

รูปภาพ
ใครที่มองหาว่า กินอะไรแทนข้าวดีนะ เพราะไม่อยากกินแป้งมาก นี่เลยครับ มันแกวเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ทีแรกนึกว่ามันแกวเป็นพืชท้องถิ่นพื้นบ้านของไทย เพราะเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก และราคาก็ไม่แพง แต่ที่ไหนได้ ความจริงมันแกว เป็นพืชท้องถิ่นของคาบสมุทรแมกซิโก มีชื่อว่า ฮิกกาม่า  (jicama) หรือ อีกชื่อคือ Jambean ม้นแกว เต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร มีแคลอลี่ต่ำ มีใยอาหาร (Fiber) สูง และมีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น Vitamin C Folate  Iron Magnesium Potassium และ Manganese เป็นต้น เหมาะสำหรับผู้เป็นเบาหวาน หรือต้องการลดน้ำหนักมันแกวแม้ว่าจะเป็นมันชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับ มันเทศ แต่เมื่อ เปรียบเทียบกันแล้ว พบว่า มันแกวมีแป้ง (starch) น้อยกว่ามันชนิดอื่น ๆ เช่น มันฝรั่ง และหัวบีท เป็นต้น โดยเฉพาะ Manganese ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่ร่างกายต้องการไม่มาก แต่ขาดไม่ได้ เพราะ Manganese มีบทบาทสำคัญในการบำรุงรักษากระดูกให้แข็งแรง ช่วยระบบการเผาผลาญอาหาร (metabolism) ช่วยดึงดูดแคลเซี่ยม ช่วยการทำงานของต่อมไธรอยด์ ปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ และช่วยย่อยไขมันและคาร์โบไฮเดรท เป็นต้น ถ้าขาด Manganese ร