บทความ

กล้วย บำรุงสุขภาพ

กล้วยเป็นอาหารบำรุงสุขภาพ อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารต่าง ๆ มากมาย กล้วยมี วิตามินซี โปแตสเซี่ยม และเส้นใยอาหาร กล้วยไม่มีโซเดียม ไขมัน หรือคอเลสเตอรอล วิตามินซีในกล้วย ช่วยป้องกันและรักษาอาการอักเสบ ช่วยสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue)เชื่อมโยงยึดเหนี่ยวอวัยวะและโครงสร้างต่าง ๆ ของร่างกายให้อยู่รวมกัน และ ค้ำจุนร่างกาย นอกจากนี้ วิตามินซีในกล้วย ยังช่วยดูดซับธาตุเหล็ก และสร้างเม็ดเลือดอีกด้วย โปแตสเซี่ยมในกล้วย ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะ อาหารที่มีโปแตสเซี่ยมสูง จะช่วยป้องกันความดันเลือดสูง และอัมพาต (stroke) อีกด้วย กล้วยให้พลังงานแก่ร่างกายได้ทันทีทันควัน เนื่องจากมีน้ำตาลธรรมชาติ ได้แก่ ซูโคลส(sucrose) ฟรุทโตส(fructose) และกลูโคส (glucose)ดังนั้น เมื่อร่างกายอ่อนเพลีย สามารถรับประทานกล้วย เพื่อให้พลังงาน แก่ร่างกายได้ทันที กล้วยมีวิตามินบี 6 ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย และสร้างเม็ดเลือดแดง และระบบประสาท(nervous system) รับประทานกล้วย ช่วยบำรุงสมอง กล้วยได้ชื่อว่า เป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรทมากกว่าผลไม้อื่น ซึ่งเป็นผลดี เพราะร่างกายได้รับแคลอลี่จากคา

โฟเลต (Folate) คืออะไร

โฟเลต (Folate) คือ วิตามินบีที่ละลายน้ำได้ ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางในการตั้งครรภ์ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับหญิงมีครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โฟเลต ช่วยในการสร้างเซลล์ของร่างกาย โดยเฉพาะสำหรับทารกในครรภ์มารดา โฟเลทฃช่วยสร้าง DNA และ RNA ซึ่งจำเป็นในการสร้างเซลล์ ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ต้องการโฟเลต เพื่อสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยระษาระดับกรดอะมิโน การขาดโฟเลต ถ้าเป็นในหญิงตั้งครรภ์ อาจจะให้กำเนิดเด็กที่น้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ คลอดก่อนกำหนด หรือเกิดภาวะ neural tube defects ในเด็กแรกเกิด จะทำให้เจริญเติบโตช้า และถ้าเป็นการขาดโฟเลตในผู้ใหญ่จะทำให้เป็นโรคโลหิตจาง โฟเลตพบในอาหาร โดยเฉพาะผักใบสีเขียว ผลไม้ กล้วย ส้ม แคนตาลูป และถั่วต่าง ๆ นอกจากนี้ยังพบในเนื้อวัว และตับไก่ อ้างอิง http://ods.od.nih.gov/factsheets/folate/ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=marquez&group=8&date=18-05-2007&gblog=20

กระเจี๊ยบ อาหารสำหรับหญิงมีครรภ์

รูปภาพ
กระเจี๊ยบ หรือผักกระเจี๊ยบ เป็นอาหารพื้นบ้านของไทย หญิงมีครรภ์ควรรับประทานเป็นอย่างยิ่ง เพราะในกระเจี๊ยบมีกรดโฟลิค (folic acid) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองของทารกในครรภ์มารดา ในช่วงสัปดาห์ที่ 4-12 นับแต่การปฏิสนธิ กระเจี๊ยบเป็นพืชผักที่มีมาแต่โบราณ พบว่ามีปลูกในประเทศเอธิโอเปีย เป็นเวลากว่า 3,500 ปี มาแล้ว เป็นพืชท้องถิ่นแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ทวีปแอฟริกาตอนเหนือ และตะวันออกกลาง ยางเมือกเหนียว (mucilage) และเส้นใยของกระเจี๊ยบ ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด โดยการดูดซึมภายในลำไส้เล็ก เส้นใยอาหารของกระเจี๊ยบ ช่วยบำรุงรักษาระบบทางเดินอาหาร ช่วยดูดซับน้ำ คอเลสเตอรอบส่วนเกิน และช่วยไม่ให้ท้องผูกได้อีกด้วย บำรุงรักษากระเพาะและลำไส้ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก กระเจี๊ยบเป็นยอดอาหารการลดน้ำหนัก การปรุงอาหารไม่ควรให้สุกจนเกินไป เพราะจะทำให้สูญเสียคุณค่าทางอาหาร โดยเฉพาะยางเมือกเหนียวของกระเจี๊ยบก็จะสูญเสียไปด้วย กระเจี๊ยบช่วยส่งเสริมแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ (probiotics) และช่วยสังเคราะห์วิตามินบีรวม อีกด้วย ว่ากันว่า กระเจี๊ยบช่วยให้ผมมีสปริง โดยหั่นกระเจี๊ยบตามขวาง แล้วต้มแล้วทำให้เย็นแล้

ฟักทอง พืชผักที่อุดมไปด้วยวิตามิน

รูปภาพ
ฟักทองได้ชื่อว่าเป็นพืชผักที่อุดมไปด้วยวิตามินต่อต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซี และ วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น leutin xanthins และ carotenes เป็นต้น ฟักทองมีแคลอลี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมคอเรสเตอรอลและผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ฟักทองไม่มีไขมันอิ่มตัว(saturated fats)มีเส้นใยอาหารที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก วิตามินเอในฟักทอง ช่วยเรื่องผิวพรรณ บำรุงสายตา มีการวิจัยยืนยันว่า อาหารที่มีวิตามินเอสูง ช่วยป้องกันมะเร็งปอด และมะเร็งในช่องปากได้ มาปลูกฟักทองเป็นผักสวนครัวกันดีกว่า ฟักทองเป็นพืชเถาปลูกได้ทั่วไป เป็นพืชผักที่แมลงไม่ค่อยชอบทำลาย อายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 120-180 วัน ผักทองแต่ละต้น จะให้ผลได้ 4-5 ผล ถ้าดูแลดี ๆ จะให้ผลได้ถึง 7 ผล ต่อต้นทีเดียว ลักษณะนิสัยของฟักทอง ฟักทองเป็นพืชผักที่มีลำต้นทอดและเลื้อยไปตามพื้นดิน เช่นเดียวกับแตงโม มีดอกสีเหลือง ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะแยกกันแต่อยู่ในต้นเดียวกัน ดังนั้น จึงต้องการช่วยผสมเกสร โดยวิธีธรรมชาติ เช่น ลมพัด หรือมีแมลงผสมเกสร หรือผู้ปลูกช่วยผสมเกสรเพื่อการติดผล ฟักทองเป็นไม้เถาอ่อน มีขนสากมือ มีหนวด

ตัวห้ำ แมลงมีประโยชน์

รูปภาพ
วันก่อนพูดเรื่อง ตัวห้ำและตัวเบียน วันนี้ เราจะมาดูตัวห้ำกันอีกครั้งนะครับ เมื่อเห็นตัวห้ำในแปลงผักจะได้ไม่ทำลายแมลงที่ช่วยเราให้มีผักรับประทาน และช่วยรักษาสมดุลของธรรมชาติอีกด้วย ด้วงเต่า ด้วงเต่าตัวห้ำ กัดกินแมลงศัตรูพืช เช่น ไข่แมลง ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของเพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย เพลี้ยไป ไร มวนเพชฌฆาต มวนเพชฌฆาต ระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ทำลายแมลงศัตรูพืชทั้งระยะตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัยที่มีลำตัวอ่อนนุ่ม โดยเจาะดูดน้ำเลี้ยงจากศัตรูพืช มวนพิฆาต มวนพิฆาต ระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ทำลายแมลงศัตรูพืชทั้งระยะตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัยที่มีลำตัวอ่อนนุ่ม โดยเจาะดูดน้ำเลี้ยงจากศัตรูพืช มดตัวห้ำ มดตัวห้ำ กัดกินไข่ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัยแมลงศัตรูพืช ตั๊กแตนหนวดยาว ตั๊กแตนหนวดยาวตัวห้ำ กัดกินไขหนอนกอ ตัวอ่อนเพลี้ยกระโดด แมลงสิง ด้วงดิน ด้วงดิน ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยกัดกินศัตรูข้าว เช่น เพลี้ยกระโดด เพลี้ยจักจั่น แมลงช้างปีกใส แมลงช้างปีกใส ตัวอ่อนแมลงช้างปีกใส กัดและดูดกินแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยอ่อน แมลงหวี่ขาว หนอนขนาดเล็ก

Excel Pivot Table ตารางไขว้

รูปภาพ
สำหรับ Excel 2007/2010 PIVOT TABLE มีประโยชน์มากสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลบนแผ่นงานของ Excel ตารางไขว้ หรือ Pivot Table ทำให้เราสามารถดูข้อมูลในแผ่นงานได้ง่ายขึ้น เปรียบเทียบง่ายขึ้น เช่น สมมติว่าเรามีข้อมูลเกี่ยวกับ ร้านที่รับสินค้าของเราไปจำหน่าย จำนวนหลายร้าน และมีสินค้าหลายตัว เราสามารถวิเคราะห์ดูว่า ร้านแต่ละร้านสั่งสิ้นค้าอะไร เป็นจำนวนเท่าไร รวมเป็นเงินเท่าไร โดยใช้ pivot table หรือ ตารางไขว้ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล (ดูตัวอย่างไฟล์ คลิกที่นี่ ) สมมุติว่า มีข้อมูล ดังนี้ จากข้อมูลข้างบนนี้ เราสามารถจะให้ Excel วิเคราะห์ข้อมูล จัดรูปแบบเสียใหม่ (โดยใช้ข้อมูลชุดนี้) เช่น สรุปข้อมูลตามร้าน และรวมจำนวนสินค้าที่รับไปจำหน่าย ดังนี้ หรืออาจจะให้แสดงทั้งจำนวนที่รับไป และรวมเงินทั้งหมด แยกเป็นแต่ละร้าน ก็ได้ ดังนี้ จากตารางข้างบน จะเห็นว่า ร้าน จ.เครื่องเขียน สั่งเครื่องเย็บ ไป 81 ตัว เป็นเงินทั้งสิ้น 6480 บาท เป็นต้น จะเห็นได้ว่า เมื่อมีการเรียงข้อมูลใหม่ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ เปรียบเทียบข้อมูลต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ด้วยการใช้ pivot table ของ Excel

ทุเรียน ไม่มีคอเรสเตอรอล

รูปภาพ
ทุเรียน ไม่มีคอเรสเตอรอล เป็นเรื่องแปลกเพราะ พอพูดถึงทุเรียน บางคนบอกว่า มีคอเรสเตอรอลมากกว่ากินขาหมูเสียอีก เว็บไซต์ www.nutrition-and-you.com รายงานว่า ทุเรียนไม่มีคอเรสเตอรอล แต่ยอมรับว่า มีไขมันสูงกว่าผลไม้อื่นๆ ข้อมูลนี้ ดูเหมือนจะสอดคล้อง กับการวิจัยของ รศ.ดร.ระติพร หาเรือนกิจ, รศ.ดร.สุมิตรา ภู่วโรดม จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ Professor Dr.Shela Gorinstein จาก มหาวิทยาลัยฮิบบรูและคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยการเกษตรวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ที่ระบุว่า หนูทดลองที่ได้รับทุเรียนหมอนทองในอาหาร สามารถลดสารคอเลสเตอรอล ทั้งหมดได้ 16% และลด LDL คอเรสเตอรอลได้ถึง 31.3% LDL เป็นคอเรสเตอรอลตัวร้าย ที่ไปสะสมในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดอุดตันได้ นอกจากนี้ ทุเรียนยังมี แร่ธาตุ สารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ ที่มีประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น วิตามินซี บี9(โฟเลต) บี 6 กำมะถัน โปรตีน(กรดอะมิโน) โปแตสเซี่ยม แมงกานีส แมกนีเซียม เหล็ก เส้นใยอาหาร(ไฟเบอร์)ทองแดง คาร์โบไฮเดรท และน้ำตาล (simple sugar) ที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที เช่น fructose และ sucrose เป็นต้น โดยสรุป กินทุเรีย