แนวข้อสอบ พรบ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

แนวข้อสอบ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พร้อมเฉลย
ศึกษาพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้คลิกที่นี่

คำสั่ง:ให้ท่านเลือกข้อที่ถูกต้องมากที่สุด

ข้อ 1.

หลักสำคัญในการบริหารราชการตามพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน คือข้อใด

 

1. ต้องเป็นไปเพื่อความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองของประเทศ

2. ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน

3. ต้องเป็นไปเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมือง

4. ต้องเป็นไปเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

 

dummy text

มาตรา ๓/๑

การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจาย อำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้โดยมีผู้รับผิดชอบ ต่อผลของงาน

 

ข้อ 2.

หลักการของ พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กำหนดไว้ในมาตราใด

 

1. มาตรา 1

2. มาตรา 3/1

3. มาตรา 4/1

4. มาตรา 5

 

dummy text

มาตรา ๓/๑

การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจาย อำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้โดยมีผู้รับผิดชอบ ต่อผลของงาน

 

ข้อ 3.

ในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ คำนึงถึงสิ่งใด

 

1. ความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน

2. ความประหยัดและคุ้มค่า

3. เป้าหมายของภารกิจ

4. นโยบายและจุดเน้น

 

dummy text

มาตรา ๓/๑

ในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตามตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกิจ

 

ข้อ 4.

ข้อใดไม่ใช่การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง

 

1. สำนักนายกรัฐมนตรี

2. กระทรวงศึกษาธิการ

3. ราชบัณฑิตยสถาน

4. องค์การค้าของ สกสค.

 

dummy text

มาตรา ๗ ให้จัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง ดังนี้

(๑) สำนักนายกรัฐมนตรี
(๒) กระทรวง หรือทบวงซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง
(๓) ทบวง ซึ่งสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวง
(๔) กรม หรือส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่น และมีฐานะเป็นกรม ซึ่งสังกัดหรือไม่สังกัดสำนัก นายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง
สำนักนายกรัฐมนตรีมีฐานะเป็นกระทรวง
ราชบัณฑิตยสถาน เป็นส่วนราชการระดับกรมที่เป็นอิสระ
องค์การค้าของ สกสค. เป็นหน่วยงาน ที่ไม่ได้มีฐานะเป็นกรม แต่สังกัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการ และสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค)

 

ข้อ 5.

การเปลี่ยนชื่อส่วนราชการส่วนกลาง ให้กระทำโดยตราเป็นกฎหมายใด

 

1. พระราชบัญญัติ

2. พระราชกฤษฎีกา

3. กฏกระทรวง

4. ประกาศกระทรวง ต้นสังกัดของหน่วยงานนั้น

 

dummy text

มาตรา ๘ ตรี การเปลี่ยนชื่อส่วนราชการตามมาตรา ๗ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

 

ข้อ 6.

หน่วยงานใด มีหน้าที่ ตรวจสอบดูแล มิให้มีการกำหนดอัตราของข้าราชการของส่วนราชการ ที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพิ่มขึ้น จนกว่าจะครบเวลาตามที่กำหนด

 

1. ก.พ.ร.

2. คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

3. สำนักงบประมาณ

4. ข้อ 2 และ ข้อ 3

 

dummy text

มาตรา ๕

หน่วยงานของรัฐ ต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในผลแห่งละเมิด ที่เจ้าหน้าที่ของตนได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีนี้ ผู้เสียหายอาจฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าว ได้โดยตรง แต่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้

มาตรา ๘ ทวิ
ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและสำนักงบประมาณมีหน้าที่ตรวจสอบดูแลมิให้มีการกำหนดตำแหน่งหรืออัตราของข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ หรือที่ถูกรวมหรือโอนไปตามวรรคหนึ่ง เพิ่มขึ้น จนกว่าจะครบกำหนดสามปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่ง มีผลใช้บังคับ

 

ข้อ 7.

การยุบส่วนราชการส่วนกลาง ให้กระทำโดยตราเป็นกฎหมายใด

 

1. ตราเป็นพระราชบัญญัติ

2. ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

3. ออกเป็นกฎกระทรวง

4. ออกเป็นประกาศของหน่วยงานต้นสังกัด

 

dummy text

มาตรา ๘ จัตวา
การยุบส่วนราชการตามมาตรา ๗ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

 

ข้อ 8.

ข้อใดเป็นเหตุผล ในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534

 

1. เพื่อการบริหารงานอย่างประหยัด และมีคุณภาพ

2. เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการปกครอง

3. เพื่อมิให้มีการปฏิบัติงานซ้ำซ้อนกัน ระหว่างส่วนราชการต่าง ๆ

4. เพื่อปรับโครงสร้างองค์กร หน่วยงานภาครัฐ ให้เหมาะสม

 

dummy text

หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการจำเป็นต้องกำหนดขอบเขตอำนาจ หน้าที่ของส่วนราชการต่าง ๆ ให้ชัดเจนเพื่อมิให้มีการปฏิบัติงานซ้ำซ้อนกันระหว่างส่วนราชการต่าง ๆ และเพื่อให้การบริหารงาน ในระดับกระทรวงมีเอกภาพสามารถดำเนินการ ให้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐมนตรีกำหนดได้

 

ข้อ 9.

ข้อใด เป็นการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

 

1. กระทรวง ทบวง กรม

2. จังหวัด อบจ และ อบต

3. กทม เทศบาล และอบต

4. ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น

 

dummy text

มาตรา ๔
ให้จัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้

(๑) ระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง
(๒) ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
(๓) ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น

 

ข้อ 10.

การป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ เป็นหน้าที่ของผู้ใด

 

1. ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

2. ผู้ว่าราชการจังหวัด

3. กระทรงมหาดไทย

4. อปพร

 

dummy text

มาตรา ๕๗ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจและหน้าที่ดังนี้

(๕) ประสานงานและร่วมมือกับข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการฝ่ายอัยการ ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการในสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และข้าราชการครู ผู้ตรวจราชการ และหัวหน้าส่วนราชการในระดับเขต หรือภาค ในการพัฒนาจังหวัดหรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ

 

ข้อ 11.

อำนาจนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล กำหนดไว้ในมาตราใด ของ พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และมีกี่ข้อ

 

1. มาตรา 8 จำนวน 10 ข้อ

2. มาตรา 9 จำนวน 8 ข้อ

3. มาตรา 10 จำนวน 11 ข้อ

4. มาตรา 11 จำนวน 9 ข้อ

 

dummy text

มาตรา ๑๑

นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้

(๑) กำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อการนี้จะสั่งให้ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และส่วนราชการซึ่งมีหน้าที่ควบคุมราชการส่วนท้องถิ่น ชี้แจง แสดงความคิดเห็น ทำรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ ในกรณีจำเป็นจะยับยั้งการปฏิบัติราชการใด ๆ ที่ขัดต่อนโยบาย หรือมติของคณะรัฐมนตรีก็ได้ และมีอำนาจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น

(๒) มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการบริหารราชการ ของกระทรวง หรือทบวงหนึ่ง หรือหลายกระทรวงหรือทบวง

(๓) บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่ง ซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรม และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเป็นกรม

(๔) สั่งให้ข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่งมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะให้ขาดจากอัตราเงินเดือน ทางสังกัดเดิม หรือไม่ก็ได้ ในกรณีที่ให้ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม ให้ได้รับเงินเดือนในสำนักนายกรัฐมนตรีในระดับ และขั้นที่ไม่สูงกว่าเดิม

(๕) แต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่งไปดำรงตำแหน่งของอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง โดยให้ได้รับเงินเดือนจากกระทรวง ทบวง กรมเดิม ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ข้าราชการซึ่งได้รับแต่งตั้ง มีฐานะเสมือนเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งตนมาดำรงตาแหน่งนั้นทุกประการ แต่ถ้าเป็นการแต่งตั้งข้าราชการ ตั้งแต่ตำแหน่งอธิบดี หรือเทียบเท่าขึ้นไป ต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี

(๖) แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษา หรือคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี หรือเป็นคณะกรรมการเพื่อปฏิบัติราชการใด ๆ และกำหนดอัตราเบี้ยประชุม หรือค่าตอบแทนให้แก่ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้ง

(๗) แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ให้ปฏิบัติราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี

(๘) วางระเบียบปฏิบัติราชการ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้ง กับพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น

(๙) ดำเนินการอื่น ๆ ในการปฏิบัติตามนโยบาย

 

ข้อ 12.

ตำแหน่งใด เป็นข้าราชการการเมือง

 

1. เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

2. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี

3. ผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

4. รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร

 

dummy text

มาตรา ๑๓ ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นข้าราชการการเมือง และให้รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร และผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ

มาตรา ๑๔ ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ

 

ข้อ 13.

พรบ. ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 บังคับใช้วันที่เท่าไร

 

1. วันที่ 5 กันยายน 2534

2. วันที่ 20 กันยายน 2534

3. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2534

4. วันที่ 18 ตุลาคม 2534

 

dummy text

พรบ. ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ลงประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๘/ตอนที่ ๑๕๖/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๔ กันยายน ๒๕๓๔

มีผลใช้บังคับใช้ วันที่ 5 กันยายน 2534
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

 

ข้อ 14.

พรบ. ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 บังคับใช้วันที่เท่าไร

 

1. วันที่ 3 พฤศจิกายน 2550

2. วันที่ 8 สิงหาคม 2550

3. วันที่ 16 กันยายน 2550

4. วันที่ 19 ตุลาคม 2550

 

dummy text

พรบ. ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 ลงประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๕๕ ก/หน้า ๑/๑๕ กันยายน ๒๕๕๐

จึงมีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันที่ประกาศ เป็นต้นไป

 

ข้อ 15.

ข้อใด ไม่ใช่เป้าหมายของ พรบ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

 

1. การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน

2. การยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น

3. การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น

4. การอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

 

dummy text

มาตรา ๓/๑๒
การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไป เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจายอำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ โดยมีผู้รับผิดชอบต่อผลของงาน

 

ข้อ 16.

การบริหารกิจการบ้านเมือง ตาม มาตรา ๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนราชการต้องคำนึงถึงเรื่องใด มากที่สุด

 

1. การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

2. ความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน

3. ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ

4. การวางแผนการปฏิบัติงาน

 

dummy text

ในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตามตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกิจ
(มาตรา ๓/๑)

 

ข้อ 17.

การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่ง หรือปฏิบัติหน้าที่ต้องคำนึงถึง หลักการอะไร

 

1. ความซื่อสัตย์สุจริต

2. เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน

3. ความเหมาะสมกับงาน

4. ความรู้ความเข้าใจสภาพสังคมและเศรษฐกิจ

 

dummy text

การจัดสรรงบประมาณ และการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ต้องคำนึงถึง หลักการตามวรรคหนึ่ง

ซึ่งได้แก่

การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิด ผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นนตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจาย อำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้โดยมีผู้รับผิดชอบ ต่อผลของงาน
(มาตรา ๓/๑)

 

ข้อ 18.

การกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการปฏิบัติราชการ ให้ส่วนราชการปฏิบัติ ให้ทำโดยกฎหมายใด

 

1. พระราชกฤษฎีกา

2. พระราชกำหนด

3. กฏกระทรวง

4. ประกาศกระทรวง

 

dummy text

เพื่อประโยชน์ในการคำเนินการให้เป็นไปตามมาตรานี้ จะตราพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และ วิธีการในการปฏิบัติราชการและการสั่งการให้ส่วนราชการและข้าราชการปฏิบัติก็ได้
(มาตรา ๓/๑)

 

ข้อ 19.

การแบ่งราชการออกเป็นส่วนต่าง ๆ ให้กำหนดตำแหน่ง และอัตราเงินเดือน ต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง

 

1. ลักษณะและธรรมชาติของงาน

2. ปริมาณงานของส่วนราชการนั้น ๆ

3. บุคลากรผู้ปฏิบัติงาน

4. ความซ้ำซ้อนของงาน

 

dummy text

มาตรา ๕
การแบ่งราชการออกเป็นส่วนต่าง ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ให้กำหนดตำแหน่ง และอัตราเงินเดือน โดยคำนึงถึงคุณภาพและปริมาณงาน ของส่วนราชการนั้น ๆ ไว้ด้วย

 

ข้อ 20.

ข้อใด ไม่ใช่การบริหารราชการส่วนกลาง

 

1. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค

2. สำนักงาน กศน.

3. สำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด

4. สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

 

dummy text

มาตรา ๗ ให้จัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง ดังนี้
(๑) สำนักนายกรัฐมนตรี
(๒) กระทรวง หรือทบวงซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง
(๓) ทบวง ซึ่งสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวง
(๔) กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ซึ่งสังกัดหรือไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง
สำนักนายกรัฐมนตรีมีฐานะเป็นกระทรวง

-----------
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นหน่วยงานระดับกรม - ส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อ นายกรัฐมนตรี

สำนักงาน กศน. เป็นหน่วยงานระดับกรม

สำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เป็นหน่วยงานส่วนภูมิภาค

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นหน่วยงานระดับกรม - ส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อ นายกรัฐมนตรี

 

ข้อ 21.

การเปลี่ยนชื่อหน่วยราชการระดับกรม ให้ดำเนินการอย่างไร

 

1. ตราเป็นพระราชบัญญัติ

2. ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

3. ตราเป็นพระราชกำหนด

4. ออกเป็นประกาศกระทรวง

 

dummy text

การเปลี่ยนชื่อหน่วยราชการระดับกรม ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

ดู มาตรา ๘ ตรี

 

ข้อ 22.

การรับโอนข้าราชการที่พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากการยุบส่วนราชการ ต้องกระทำภายในกี่วัน

 

1. ยี่สิบวัน

2. สามสิบวัน

3. สี่สิบห้าวัน

4. หกสิบวัน

 

dummy text

ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ประสงค์จะรับโอนข้าราชการหรือลูกจ้างตาม วรรคสาม ก็ให้กระทำได้ โดยมิให้ถือว่าข้าราชการหรือลูกจ้างผู้นั้น ได้พ้นจากราชการตามวรรคสาม แต่ทั้งนี้ต้อง กระทำภายในสามสิบวัน นับแต่พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งมีผลใช้บังคับ
(มาตรา ๘)

 

ข้อ 23.

การแบ่งส่วนราชการของกรมที่ตั้งขึ้นใหม่ ให้ดำเนินการอย่างไร

 

1. ตราเป็นพระราชบัญญัติ

2. ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

3. ตราเป็นพระราชกำหนด

4. ออกเป็นกฎกระทรวง

 

dummy text

การแบ่งส่วนราชการของกรมที่ตั้งขึ้นใหม่ ให้ออกเป็นกฎกระทรวง
มาตรา ๘ ฉ