บทความ

ความดันโลหิตสูง คืออะไร

รูปภาพ
ความดันโลหิตสูง คืออะไร ค่าความดันโลหิตที่วัดโดยทั่วไป จะมี 2 ค่า คือ ความดันโลหิตค่าบน (systemic blood pressure) ซึ่งได้จากการวัดความดันโลหิต ขณะหัวใจบีบตัวสูบฉีดโลหิตเข้าสู่หัวใจ ค่าปกติของความดันโลหิต คือ ค่าบนควรน้อยกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท ความดันโลหิตค่าล่าง (diastolic blood pressure) ซึ่งวัดขณะที่หัวใจเกิดการคลายตัว เพื่อรับโลหิตเข้าสู่หัวใจ ค่าความดันโบหิตตัวล่าง ควรน้อยกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท หากค่าความดันโลหิต มากกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท จะถูกจัดเป็นกลุ่มผู้ป่วยความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ ยังพบว่า ความเสี่ยงในการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น สัมพันธ์โดยตรงกับตัวเลขความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้น สาเหตุของความดันโลหิต สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ พบได้ประมาณร้อยละ 90 เชื่อว่าเกิดจากปัจจัย ใหญ่ คือ กรรมพันธ์ พบว่าผู้ที่มีบิดาหรือมารดาเป็นความดันโลหิตสูง มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงได้มากกว่า ผู้ที่บิดามารดา ไม่เป็น ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่มีทั้งบิดาและมารดา เป็นความดันโลหิตสูง จะมีความเสี่ยง ที่จะเป็นมากที่สุด ผู้สูงอายุก็มีโอกาสเป็นคว

การใช้สูตร SUMIFS ของ Excel 2007, 2010

รูปภาพ
สูตร SUMIFS เป็นสูตรใหม่ เพิ่งมีครั้งแรกใน Excel 2007 สูตรนี้ ใช้เหมือนกับสูตร sumproduct ใน Excel 2003 แต่ใช้ง่ายกว่า สูตร SUMIFS เป็นการรวมโดยมีเงื่อนไขมากกว่า 1 เงื่อนไข คือให้มีเงื่อนไขที่จะทดสอบได้ ตั้งแต่ 2-127 เงื่อนไขทีเดียว (ถ้ามีเพียงเงื่อนไขเดียว ก็ใช้ SUMIF ธรรมดา ที่ไม่มี S นะครับ) ดูวิดีโอการใช้สูตร SUMIFS() ในกรณีใดบ้างที่เราต้องใช้การรวมหลายเงื่อนไข เช่น ต้องการรวมเงินของพนักงานขาย ที่ขายสินค้าหลายชนิด เราต้องการหาผลรวมการขายสินค้าแต่ละชนิด ของพนักงานแต่ละคน ในกรณีนี้ จะเห็นว่า มีเงื่อนไขอยู่ 2 เงื่อนไข คือ พนักงาน และ สินค้า นั่นคือ มีพนักงานอยู่หลายคน เงื่อนไขว่า จะให้รวมเงินของพนักงานคนไหน และ เงื่อนไขที่สองคือ สินค้ามีหลายชนิดต้องทราบผลรวมเงินของสินค้าชนิดไหน ส่วนสิ่งที่จะให้นำมารวมกัน ก็คือเงินที่พนักงานคนนั้น ๆ (ที่ระบุในเงื่อนไข) ขายสินค้านั้น ๆ (ที่ระบุในเงื่อนไข) นั่นเอง รูปแบบการใช้สูตร SUMIFS(sum_range, criteria_range1, criteria1, [criteria_range2,criteria2], …) sum_range     คือช่วงของข้อมูลที่จะให้นำมารวมกัน ถ้าเป็นกรณีข้างต้น ก็คือ ให้รวม

COUNT() COUNTA() และ COUNTBLANK() ใน Excel 2010

รูปภาพ
สูตรการนับจำนวน ของ Excel คือ COUNT(), COUNTA() และ COUNTBLANK() โดยสรุป COUNT() นับจำนวนเซลล์ที่มีข้อมูลที่เป็นตัวเลข ในช่วงเซลล์ที่ระบุ (รวมทั้งวันที่ด้วย เพราะวันที่เก็บในรูปตัวเลข)ไม่นับเซลล์ที่ไม่มีข้อมูล หรือเซลล์ที่มีข้อผิดพลาดจากการใช้สูตร เช่น #N/A หรือ #NAME? เป็นต้น COUNTA() นับจำนวนเซลล์ที่มีข้อมูล ในช่วงเซลล์ที่ระบุ โดยไม่นับเซลล์ที่ไม่มีข้อมูล COUNTBLANK() นับจำนวนเซลล์ที่ไม่มีข้อมูล ในช่วงเซลล์ที่ระบุ ดูวิดีโอ เรื่อง count() countif() และ countblank() ตัวอย่าง COUNT() ใช้นับจำนวนเซลล์ที่มีข้อมูลที่เป็นตัวเลข ได้แก่ ตัวเลข วันที่ จะไม่นับเซลล์ที่มีข้อความ เซลล์ว่าง หรือ เซลล์ที่มีค่าผิดพลาด รูปแบบการใช้คือ COUNT(value1,value2,value3, ... ) สามารถใส่ได้สูงสุดถึง 255 ช่วงข้อมูล โดยแต่ละช่วง ให้คั่นด้วยเครื่องหมายคอมม่า ตัวอย่างภาพข้างบน นับจำนวนในช่วง A1 ถึง A20 และ B1 ถึง B20 ขอให้สังเกตว่า ไม่นับเซลล์ที่เป็นข้อความ หรือข้อผิดพลาด  การเขียนสูตรในเซลล์ ต้องขึ้นต้นด้วยเครื่องหมายเท่ากับ เช่น ถ้าต้องการเขียนสูตรที่เซลล์ E4 ให้เขียนด

กระถิน พืชมากสรรพคุณ

กระถินเป็นพืชริมรั้ว ขึ้นง่าย ตายยาก ตัดแล้วก็แตกขึ้นมาได้อีก แต่จะว่าไปแล้ว กระถินมีประโยชน์มาก ตั้งแต่ ยอดกระถิน ฝัก ต้น ตลอดไปจนถึงรากทีเดียว ยอดอ่อน ฝักอ่อน ใช้จิ้มน้ำพริก หรือกินกับขนมจีนอร่อยดีนัก ใบกระถินมีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านโรคมะเร็ง บำรุงสายตา ดอกบำรุงตับ รากขับระดูขาว เป็นยาอายุวัฒนะ รากใช้ถ่ายพยาธิ์ตัวกลม เรียกได้ว่า ของดีและถูกยังมีในโลก ก็คือกระถินนี่เอง กระถิน ช่วยขับลมในกระเพาะ บำรุงโลหิต เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง กระถินรับประทานแก้ท้องร่วง สมานแผล ห้ามเลือด ฝักของกระถินเป็นยาฝาดสมาน และเมล็ดเป็นยาถ่ายพยาธิได้ เปลือกของกระถินมีรสฝาด เป็นยาฝาดสมาน ยอดอ่อนของกระถิน 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย62กิโลแคลอรี ประกอบด้วยน้ำ 80.7 กรัม คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม โปรตีน 8.4 กรัม ไขมัน 0.9 กรัม กาก 3.8 กรัม แคลเซียม 137 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม เหล็ก 9.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 7883 IU วิตามินบีหนึ่ง 0.33 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.09 มิลลิกรัม ไนอาซีน 1.7 มิลลิกรัม วิตามินซี 8 มิลลิกรัม กระถินสามารถใช้กระถินเลี้ยงสัตว์ได้ทั้ง ในรูปตัดให้กินส

กระชาย

กระชายเป็นเครื่องเทศปรุงอาหารได้หลายอย่าง เช่น ในน้ำพริกแกงส้ม ใส่แกงเลียง หั่นเป็นชิ้นยาว ๆ ใส่ผัดเผ็ดแกงเผ็ด เป็นต้น กระชายนอกจากจะเป็นอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย กระชายมีรสเผ็ดร้อน สารสำคัญในรากและเหง้ากระชายมีน้ำมันหอมระเหยอยู่ประมาณ ร้อยละ 0.08 กระชายมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยเจริญอาหารและแก้โรคในช่องปาก นอกจากนี้ ยังมีสารอาหาร เช่น แคลเซี่ยม เหล็ก วิตามินเอ เป็นต้น สรรพคุณทางยาของกระชาย แก้บิด ท้องร่วง ท้องเสีย นำรากกระชายย่างไฟ ตำให้ละเอียด ผสมน้ำปูนใสคั้นเอาแต่น้ำดื่ม รักษาโรคริดสีดวงทวาร ต้มกระชายพร้อมมะขามเปียก เติมเกลือแกงเล็กน้อย รับประทานก่อนนอนทุกวัน ช่วยบำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ ตำรากกระชาย 1 กำมือให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ ผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานก่อนอาหารเย็น ช่วยบำรุงหัวใจ กระตุ้นให้หัวใจเต้นสม่ำเสมอ นำกระชายแห้งบดให้เป็นผงละลายกับน้ำร้อน นำรากกระชาย ตะไคร้ หอมแดง ข่า ใบสะเดาแก่ ตำผสมกัน ใช้ฉีดบริเวณที่มีแมลงรบกวน บำบัดโรคกระเพาะ กินรากสดแง่งเท่านิ้วก้อยไม่ต้องปอกเปลือก วันละ 3 มื้อ ก่อน

น้ำ ช่วยลดไข้

รูปภาพ
อาการไข้ (fever) เกิดจากการที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงมากกว่าอุณหภูมิปกติของร่างกาย ซึ่งอยู่ระหว่าง 36.5–37.5 °C (98–100 °F) การเป็นไข้เป็นอาการปกติของร่างกาย แสดงว่า ร่างกายเรากำลังต่อสู้กับการติดเชื้อ การมีไข้จึงเป็นปฏิกิริยาที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะเป็นภาวะที่ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อ โดยการทำให้สภาวะแวดล้อมไม่เหมาะกับการเจริญของเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เมื่อมีอาการเป็นไข้ สิ่งที่สำคัญคือต้องไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะเมื่อเป็นไข้ อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ร่างกายต้องใช้น้ำ นอกจากนี้ การเวลาเป็นไข้มักจะมีเหงื่อออก ก็ทำให้เสียน้ำได้อีกทางหนึ่ง ถ้ามีไข้น้อย อุณหภูมิไม่เกิน 38.8 °C ไม่จำเป็นต้องกินยา แต่ถ้าไข้ขึ้นสูงกว่า 39.4 °C ต้องรีบไปหาหมอทันที เด็กที่มีไข้ต่ำ แต่เล่นได้ กินอาหารได้ ดื่มน้ำได้ ดูสดชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส อย่างนี้ให้ดื่มน้ำและพักผ่อนก็เพียงพอ การรักษาไข้ มีหลายวิธี การใช้น้ำ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยรักษาไข้ได้ เนื่องจากผู้ที่เป็นไข้ ต้องสูญเสียน้ำออกจากร่างกาย ดังนั้น การดื่มน้ำสะอาด จึงเป็นการชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปอย่างมีประสิทธิภาพ น้ำที่ดื่มไม่ควรเป็น

อันตรายจาก โทรศัพท์มือถือ

โทรศัพท์มือถือสามารถ ก่อให้เกิดอันตรายได้ ทำให้เกิดประกายไฟ ทำให้ไอน้ำมันลุกเป็นไฟระหว่างการดำเนินการเติมน้ำมัน เคยมีกรณี เกิดขึ้นแล้วหลายกรณี เช่น ในกรณีแรก โทรศัพท์ถูกวางไว้บนฝากระโปรงหลังของรถในระหว่างการเติมน้ำมัน พอดีมีคนโทรเข้ามาทำให้เครื่องโทรศัพท์ดัง และเกิดไฟลุกไหม้ตามมา ทำให้รถและปั๊มเติมน้ำมันเบนซินติดไฟไหม้ยับเยิน ในกรณีที่สอง ในขณะที่เติมน้ำมันรถ เจ้าของรถรับสายโทรศัพท์ที่เข้ามา ทำให้ไอน้ำมันติดไฟลุกพรึ๊บขึ้นมา เผาไหม้ใบหน้าของเขาอย่างสาหัส! กรณีที่สาม มีคนถูกไฟไหม้ที่ต้นขาและขาหนีบ เนื่องจากขณะที่เขาเติมน้ำมันรถของเขา โทรศัพท์ซึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาดังขึ้น และทำให้ไอน้ำมันติดไฟลุกพรึ๊บขึ้นมา สรุป โทรศัพท์มือถือสามารถจุดติดเชื้อเพลิงหรือไอน้ำมันลุกไหม้ได้ โทรศัพท์มือถือที่สว่างขึ้นเมื่อเปิดหรือที่ดังขึ้นเมื่อมีสายเข้ามา จะปล่อยพลังงานเพียงพอที่จะให้เกิดประกายไฟสำหรับจุดไฟติด โทรศัพท์มือถือไม่ควรใช้ในสถานีเติมน้ำมัน หรือในขณะเติมน้ำมันลงในเครื่องตัดหญ้า, เรือ ฯลฯ ไม่ควรใช้หรือควรปิดโทรศัพท์มือถือ เมื่ออยุ่ใกล้วัสดุใดๆ ที่ปล่อยไอหรือฝุ่นที่สามารถลุกติ