บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ โภชนาการ

น้ำผึ้ง อบเชย

น้ำผึ้งผสมอบเชย Honey and Cinnamon เร็ว ๆ นี้ ผมได้รับเมล์ เรื่องน้ำผึ้ง อ่านดูก็ดีเหมือนกันนะครับ ใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้น นะครับ น้ำผึ้งเป็นอาหารเพียงชนิดเดียวในโลกนี้ที่ไม่เสียหรือบูดเน่า จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล แท้จริงแล้วน้ำผึ้งแท้ก็คือน้ำผึ้งแท้อยู่วันยังค่ำ อย่างไรก็ตามถ้าปล่อยทิ้งไว้ในที่มืดนานๆมันจะตกผลึก ถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ให้นำขวดน้ำผึ้งแช่ในน้ำร้อน ปล่อยให้ค่อยๆเย็นลงจนกลายเป็นของเหลว มันก็จะกลับคืนสู้สภาพเดิม อย่านำเข้าตู้ไมโครเวฟเด็ดขาด เพราะจะทำลายเอ็มไซม์ในน้ำผึ้ง น้ำผึ้งกับอบเชย กล้ากล่าวได้ว่าบริษัทยาทั้งหลายไม่ชอบใจแน่ๆ การค้นพบข้อเท็จจริงของส่วนผสมน้ำผึ้งกับอบเชยสามารถรักษาโรคได้เป็นส่วนมาก น้ำผึ้งสามารถผลิตได้ทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังยอมรับว่าเป็น “Ram Ban” (มีประสิทธิผลมาก)ในการรักษาโรคนานาชนิด น้ำผึ้งสามารถใช้ได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ปัจจุบันวิทยาศาสตร์กล่าวว่าแม้น้ำผึ้งจะมีรสหวาน ถ้ารับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็จะเป็นยาชนิดหนึ่ง ไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ป่วยเบาหวาน หนังสือ World Weekly News ของแคนนาดา ประจำวันที่ 17 มกราคม 1995 ได้บอกถึงสรรพคุณ

กระถิน พืชมากสรรพคุณ

กระถินเป็นพืชริมรั้ว ขึ้นง่าย ตายยาก ตัดแล้วก็แตกขึ้นมาได้อีก แต่จะว่าไปแล้ว กระถินมีประโยชน์มาก ตั้งแต่ ยอดกระถิน ฝัก ต้น ตลอดไปจนถึงรากทีเดียว ยอดอ่อน ฝักอ่อน ใช้จิ้มน้ำพริก หรือกินกับขนมจีนอร่อยดีนัก ใบกระถินมีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านโรคมะเร็ง บำรุงสายตา ดอกบำรุงตับ รากขับระดูขาว เป็นยาอายุวัฒนะ รากใช้ถ่ายพยาธิ์ตัวกลม เรียกได้ว่า ของดีและถูกยังมีในโลก ก็คือกระถินนี่เอง กระถิน ช่วยขับลมในกระเพาะ บำรุงโลหิต เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง กระถินรับประทานแก้ท้องร่วง สมานแผล ห้ามเลือด ฝักของกระถินเป็นยาฝาดสมาน และเมล็ดเป็นยาถ่ายพยาธิได้ เปลือกของกระถินมีรสฝาด เป็นยาฝาดสมาน ยอดอ่อนของกระถิน 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย62กิโลแคลอรี ประกอบด้วยน้ำ 80.7 กรัม คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม โปรตีน 8.4 กรัม ไขมัน 0.9 กรัม กาก 3.8 กรัม แคลเซียม 137 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม เหล็ก 9.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 7883 IU วิตามินบีหนึ่ง 0.33 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.09 มิลลิกรัม ไนอาซีน 1.7 มิลลิกรัม วิตามินซี 8 มิลลิกรัม กระถินสามารถใช้กระถินเลี้ยงสัตว์ได้ทั้ง ในรูปตัดให้กินส

กระชาย

กระชายเป็นเครื่องเทศปรุงอาหารได้หลายอย่าง เช่น ในน้ำพริกแกงส้ม ใส่แกงเลียง หั่นเป็นชิ้นยาว ๆ ใส่ผัดเผ็ดแกงเผ็ด เป็นต้น กระชายนอกจากจะเป็นอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย กระชายมีรสเผ็ดร้อน สารสำคัญในรากและเหง้ากระชายมีน้ำมันหอมระเหยอยู่ประมาณ ร้อยละ 0.08 กระชายมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยเจริญอาหารและแก้โรคในช่องปาก นอกจากนี้ ยังมีสารอาหาร เช่น แคลเซี่ยม เหล็ก วิตามินเอ เป็นต้น สรรพคุณทางยาของกระชาย แก้บิด ท้องร่วง ท้องเสีย นำรากกระชายย่างไฟ ตำให้ละเอียด ผสมน้ำปูนใสคั้นเอาแต่น้ำดื่ม รักษาโรคริดสีดวงทวาร ต้มกระชายพร้อมมะขามเปียก เติมเกลือแกงเล็กน้อย รับประทานก่อนนอนทุกวัน ช่วยบำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ ตำรากกระชาย 1 กำมือให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ ผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานก่อนอาหารเย็น ช่วยบำรุงหัวใจ กระตุ้นให้หัวใจเต้นสม่ำเสมอ นำกระชายแห้งบดให้เป็นผงละลายกับน้ำร้อน นำรากกระชาย ตะไคร้ หอมแดง ข่า ใบสะเดาแก่ ตำผสมกัน ใช้ฉีดบริเวณที่มีแมลงรบกวน บำบัดโรคกระเพาะ กินรากสดแง่งเท่านิ้วก้อยไม่ต้องปอกเปลือก วันละ 3 มื้อ ก่อน

มะยม

มะยมเป็นไม้ยืนต้นพื้นบ้าน มีทั้งชนิดเปรี้ยวและชนิดหวาน มะยมนอกจากจะถือว่าเป็นไม้มงคล ปลูกไว้หน้าบ้าน เป็นศิริมงคล มีเสน่ห์ มหานิยม แล้ว ยังมีคุณค่าทางอาหารและยาด้วย ยอดอ่อนของมะยมใช้เป็นอาหารได้ นำมากินแทนผัก จิ้มน้ำพริก กินกับลาบ ส้มตำ เอาไปแกงคั่ว แกงเลียงก็ได้ ผลมะยมแก่จะมีสีค่อนข้างขาว กินกับเกลืออร่อยมาก แถมยังเอาไปเชื่อมเป็นมะยมเชื่อมก็อร่อยไม่แพ้กัน หรือจะนำมาทำส้มตำก็ได้ คุณค่าทางอาหารของมะยม มะยมให้ วิตามินซี โปรตีน คาร์โบไฮเดรท เบต้า-แครอทีน และไขมัน สรรพคุณทางยา แก้ผดผื่นคัน : ใช้ราก 1 กิโลกรัม ต้มกับน้ำ 10 ลิตร ต้มให้เดือด 5 - 10 นาที ทิ้งไว้ให้อุ่น ใช้แช่อาบ ควบคู่ไปกับการใช้รากฝนกับน้ำซาวข้าว ทาวันละ 2 - 3 ครั้ง ยาบำรุงโลหิต ยาอายุวัฒนะ : ใช้ผลแก่ ดองในน้ำเชื่อม (น้ำสะอาด 1 ลิตร ต่อน้ำตาลทราย 3 กิโลกรัม) ดองจนครบ 3 วัน ทยอยกินทั้งเนื้อและน้ำวันละ 1 ช้อนโต๊ะไปเรื่อย ๆ ปวดศรีษะจากความดันโลหิตสูง : ใบแก่ พร้อมก้าน 1 กำมือ ใส่น้ำพอท่วมยา เติมน้ำตาลกรวดพอหวาน ต้มให้เดือดนาน 5 - 10 นาที เมื่อดื่มแล้ววัดความดันควบคู่ไปด้วย ถ้าความดันกลับสู่ระดับปกติควรหยุดกิน ยาอด

มะรุม ไม้ต้นที่อุดมด้วยคุณค่า

มะรุม มีชื่อเรียกทางฝรั่งว่า Drumstick tree เป็นไม้ยืนต้นที่มีประโยชน์มาก ทุกส่วนของต้นทีเดียว ตั้งแต่รากจรดไปจนถึงฝักของมันทีเดียว มะรุมได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้ "เพื่อนที่ดีที่สุดของคุณแม่" น้ำมันจากเมล็ดของมะรุมใช้สำหรับหล่อลื่นนาฬิกา และเป็นส่วนผสมของสี เมล็ดมะรุมป่น ทำให้น้ำตกตะกอนเป็นน้ำบริสุทธิ์ แต่ควรต้มให้เดือดเสียก่อนนำไปดื่ม ยอดอ่อน ดอกอ่อน และฝักอ่อนใช้เป็นผักได้ ใบและดอกมีรสหวานอมขม ผักนิยมใช้แกงส้ม เรียกว่าแกงส้มมะรุม กินกับปลาสลิดทอดเข้ากันได้ดี บางแห่งนำดอกมะรุมมาลวกให้สุก หรือดองกินกับน้ำพริก ชาวอีสานเอายอดอ่อน ใบอ่อน ช่อดอกอ่อน นำไปลวกสุก กินกับแจ่ว ลาบ ก้อย หรือนำไปแกงอ่อมอร่อยดีนัก ฝักมะรุมอ่อนนำมากินเป็นกับแกล้มกับส้มตำก็ดี รากของมะรุม กินได้ มีรสเผ็ด หวาน ขม ใช้แก้อาการบวม บำรุงร่างกาย แก้ปวดข้อ เปลือก รสร้อน ใช้ขับลมในลำไส้ แก้หอบหืด แก้ลมอัมพาต ใบ แก้เลือกออกตามไรฟัน แก้อักเสบ แก้แผล ขับนิ่วในไต ใบมะรุมสดให้แคลอรี่สูง มีธาตุเหล็ก แมงกานีส สังกะสี ทองแดง วิตามินบี วิตามินซี และแคลเซี่ยม นอกจากนี้ ใบมะรุมยังมีสารที่ช่วยต้านมะเร็ง น้ำมันจากเมล็ดม

ประโยชน์ของลำไย

รูปภาพ
เชื่อกันว่า กินลำไยมาก ๆ ทำให้ตาแฉะ เจ็บลิ้น ร้อนใน เป็นต้น เขาบอกว่าวิธีแก้คือ ก่อนกินให้ล้างน้ำให้สะอาด หรือเอาไปแช่น้ำเกลือเสียก่อน จะไม่ทำให้เจ็บคอ บางคนบอกว่า วิธีแก้คือ ก่อนกินต้องล้างเปลือก ลำไยให้สะอาดแล้วแกะเปลือกออก เหลือเนื้อติดเม็ดไว้ เก็บใส่กล่องที่มีฝาปิด แช่ในช่องแข็ง เวลากินก็กินทั้งเย็น ๆ ไม่ต้องรอให้ละลาย จะไม่ทำให้เจ็บคอ สรรพคุณทางยาของลำไย ลำไยมีสรรพคุณทางยา ช่วยเจริญอาหาร (stomachic) ลดไข้ (febrifuge) และถ่ายพยาธิ์ (vermifuge) นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในทางแก้พิษ (antidote for poison) อีกด้วย เวียตนามให้เมล็ดลำไยรักษาแผลงูกัดและทำลายพิษงูในร่างกาย ลำไย 1 ผล น้ำหนักประมาณ 3 กรัม ให้สารอาหาร ดังนี้ สารอาหาร ปริมาณ ส่วนประกอบหลัก น้ำ 2.5 กรัม แคลอลี่ แคลอลี่ทั้งหมด 1.8 จากคาร์โบไฮเดรท 1.6 จากโปรตีน 0.1 คาโบไฮเดรท จำนวนคาร์โบไฮเดรท 0.5 กรัม วิตามิน วิตามินซี 2.5 มิลลิกรัม เกลือแร่ แมกนีเซียม 0.3 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 0.6 มิลลิกรัม

อาหารปิ้งย่างกับมะเร็ง

รูปภาพ
หลายคนเชื่อว่า อาหารปิ้งย่าง จะทำให้เกิดมะเร็ง ความจริงก็คือ อาหารปิ้งย่าง ไม่ทำให้เกิดมะเร็ง แต่การปิ้งย่างที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้กินมีความเสี่ยงกับโรคมะเร็ง กระทรวงเกษตรของอเมริกา (USDA) รายงานว่า มีวิจ้ยบางเรื่องที่พบว่า การกินอาหารที่ทำให้สุกด้วยการใช้ความร้อนสูง เช่น ปิ้ง ทอด หรืออบในเตาอบ อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง แต่จากข้อค้นพบผลการวิจัยปัจจุบัน กลับพบว่า การกินอาหารปิ้งย่าง เช่น หมูปิ้ง ปลาปิ้ง ไก่ย่าง เป็นต้น  ในปริมาณที่พอดี และไม่อยู่ในสภาพไหม้เกรียม โดยใช้ความร้อนที่พอเหมาะ จะไม่ทำให้เสี่ยงต่อปัญหาใด ๆ อาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม ทำให้เกิดสารที่เรียกว่า Heterocyclic Amines (HCAs) ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่(colon cancer) มะเร็งปอด หรือมะเร็งทรวงอก ได้ ถ้ากินจำนวนมากและต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผลสรุปการวิจัยเรื่องนี้ ยังมีผลที่ไม่ค่อยสอดคล้องกัน เช่น บางวิจัยพบว่า ความเสี่ยง ถ้ามีการใช้เครื่องเทศ เช่น สารสกัดจากโรสแมรี่ หรือ เครื่องเทศของไทย ก็จะสามารถลดความเสี่ยงลงได้ Dr. Rashmi Sinha กล่าวว่า อาหารที่ปิ้งย่างด้วยความร้อนสูงทำให้เสี่ยงต่อโรคม

อาหารป้องกันมะเร็ง

รูปภาพ
มะเร็ง เป็นโรคร้าย ใครที่เอาชนะมันได้ ถือว่าเป็นโชคดี ถามว่า มีอาหารอะไรหรือไม่ ที่กินแล้วป้องกันมะเร็งได้ คำตอบคือ มีเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ถือซะว่าเป็นวิธีหนึ่งที่อาจจะป้องกันมะเร็งไม่ให้เข้ามากรายใกล้ได้ก็แล้วกัน สมาคมมะเร็งของอเมริกา(American Cancer Society) ระบุว่า หนึ่งในสามของต้นเหตุของมะเร็งคือ อาหารการกินและวิถีการดำรงชีวิต เช่น การออกกำลังกาย เป็นต้น เพราะฉะนั้นอาหารการกินนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังมีส่วนช่วยป้องกันจากโรคมะเร็งอีกด้วย ประการสำคัญคือต้องกินอาหารให้หลากหลาย การกินอาหารหลายอย่างจะช่วยกันป้องกันโรคได้ดีกว่าการกินอาหารอย่างเดียว ดร.มิเชล (ดูในแหล่งอ้างอิง) นักโภชนาการของอเมริกา บอกว่า การกินอาหารหลายอย่างจะทำให้ได้สารอาหารหลายอย่างที่ทำงานร่วมกันเป็นทีม ดีกว่า อาหารอย่างเดียว สารอาหารอย่างเดียว ดร.มิเชล บอกว่า อาหารต่อไปนี้ เป็นอาหารที่ช่วยต้านมะเร็งได้ 1. วิตามินดี และแคลเซี่ยม เช่น นมไขมันต่ำ โยเกิต เนย และอาหารที่เสริมด้วยแคลเซี่ยมและวิตามินดี 2. ผักในตระกูล Cruciferous เช่น ผักกาด กะหล่ำดอก บล็อกเคอรี่ คะน้า เป็นต้น 3. อา

ไขมัน Trans fat คืออะไร

รูปภาพ
ไขมัน Trans fat คือไขมันแปรรูปชนิดหนึ่งที่ส่วนใหญ่เกิดจากการนำไขมันไม่อิ่มตัวที่มีลักษณะเป็นของเหลว (Liquid Oil) มาเติมไฮโดรเจน (Hydrogenated) เช่นการแปรสภาพน้ำมันพืชเป็นเนยเทียม (Margarine) เพื่อให้ไขมันนั้นแข็งตัว มีจุดหลอมเหลวสูงขึ้น ไม่เป็นไข มีอายุการเก็บรักษานานขึ้น และมีรสชาด ดีใกล้เคียงกับไขมันจากสัตว์ ในราคาที่ถูกกว่า ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร และร้าน Fast Food นิยมใช้ Trans fat เป็นส่วนประกอบของอาหาร ดังนั้น ในปัจจุบัน จึงมีอาหารและวัตถุดิบประกอบอาหารหลายชนิดที่มี Trans fat เป็นส่วนประกอบ อาทิ มันฝรั่งทอด คุ้กกี้ ขนมขบเคี้ยว และขนมปัง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มีการวิจัยพบว่า ไขมัน Trans fat ทำให้ ผู้บริโภคมีปริมาณคลอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL Cholesterol) เพิ่มขึ้นในหลอดเลือดซึ่งส่งผลให้เกิดการอุดตันอันเป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง และมีโอกาสต่อการเป็นโรคหัวใจและโรคอ้วน อาหารที่มี ไขมัน Trans fat อาหารที่พบว่ามีไขมัน Trans fat คือ ขนมอบหรือเบเกอรีที่มีมาการีนเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้พบใน ครีมเทียม อาหารอบ อาหารทอด ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว ครีมเทียม วิบปิ้งคร

กินไข่ ปลอดภัยไม่เพิ่มคลอเรสเตอรอล

เมื่อก่อนเชื่อว่ากินมากไม่ดี เพราะในไข่แดงมีคลอเรสเตอรอลสูง โดยเฉพาะในไข่แดงมีคลอเรสเตอรอลสูงมาก บางคนไม่กินไข่แดงเลย เพราะกลัวคลอเรสเตอรอล ต้องบอกว่า เป็นความเชื่อที่โบราณมาก ๆ เมื่อก่อนเชื่อกันว่าอย่างนั้นจริง ๆ ว่า กินไข่แล้วจะเพิ่มปริมาณคลอเรสเตอรอล ทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ แต่ปัจจุบัน มีข้อมูลใหม่ ลบล้างความเชื่อเช่นนั้น โดยสิ้นเชิง Dr. Nishant Rao บอกว่า การที่คลอเรสเตอรอลเพิ่มปริมาณสูงขึ้น ไม่ได้เกิดจากการกินไข่ แต่คลอเรสเตอรอลเป็นสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นที่ตับ และถูกส่งเข้ากระแสเลือดเมื่อมีความต้องการคลอเรสเตอรอล เพื่อซ่อมแซม บำรุงรักษาเซลล์ที่เสียหาย การวิจัยของดร.บรูซ กริฟฟิน จากมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ อังกฤษ ที่ตีพิมพ์อยู่ในยูโรเปียน เจอร์นัล ออฟ นิวทริชัน พบว่า คนที่กินไข่วันละ 2 ฟองขณะควบคุมอาหาร ไม่เพียงทำให้น้ำหนักลดลงเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเลือดด้วย ดร.ซูซาน มิเชลล์ นักโภชนาการชาวอเมริกัน บอกว่า กินไข่วันละฟองไม่เป็นการเพิ่มความเสียงต่อการเป็นโรคหัวใจแต่อย่างใด ยกเว้นคนที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว ต้องปรึกษาแพทย์ หรือนักโภขนาการเสียก่อน ว่า ในหนึ่งอา

บล็อคเคอรี่ Broccoli

รูปภาพ
บล็อคเคอรี่ ได้ชื่อว่าเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหาร สูงที่สุดชนิดหนึ่ง ที่เราซื้อหาได้ในตลาดสดทั่วไป ราคาไม่แพงมาก มีเงิน 20 บาท ก็สามารถซื้อบล็อคเคอรี่หัวย่อม ๆ ได้ 1 หัว หญิงมีครรภ์ จะได้รับประโยชน์จากการรับประทานบล็อคเคอรี่เป็นอย่างมาก เพราะในบล็อคเคอรี่มีกรดโฟลิค(folic acid) ที่ช่วยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะทารกในครรภ์จะได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ในบล็อคเคอรี่ ยังมี วิตามินซี ซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันต้อกระจก(cataracts) และบรรเทาหวัด ได้อีกด้วย บล็อคเคอรี่ มีวิตามินเอ(เบต้าแครอทีน) แคลเซี่ยม และ เส้นใยอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะ เบต้าแครอทีน และวิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สามารถลดความเสี่ยงจากการเป้นโรคต่าง ๆ หลายอย่าง เช่น ต้อกระจก(cataracts) โรคหัวใจ และมะเร็งหลายชนิด เส้นใยอาหารในบล็อคเคอรี่ มีทั้ง ประเภทที่ละลายน้ำได้ และที่ไม่ละลายน้ำ ทำให้ร่างกายได้รับเส้นใยอาหารที่มีประโยชน์ทั้งสองชนิดได้ในคราวเดียวกัน ผู้ที่มีปัญหาด้านความดันสูง ควรรับประทานบล็อคเคอรี่ เพราะในบล็อคเคอรี่มีโปแตสเซี่ยม ซึ่งช่วยแก้ปัญหาด้านความดัน

ผักและผลไม้สีต่างกัน ให้ประโยชน์ต่างกัน

ผักและผลไม้ที่มีสีต่างกัน ให้ประโยชน์แก่ร่างกายต่างกัน การรับประทานผักและผลไม้ที่มีสีต่าง ๆ จึงเป็นการรับประกันว่า ร่างกายจะได้สารอาหารที่หลากหลายและมีประโยชน์ ผักผลไม้สีแดง เช่้น มะเขือเทศ แตงโม มะละกอ ช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมาก(prostate cancer) ลดความดันเลือด ลดการเจริญเติบโตของเนื้องอก(tumor)ลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL cholesterol) ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ และช่วยสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน(join tissue)เพราะมีสารอาหารหลายประเภท เช่น ellagic acid Quercetin Hesperidin และ lycopene เป็นต้น โดยเฉพาะ lycopene ช่วยต้านโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิดได้ ผักและผลไม้สีเหลืองหรือส้ม เช่น กล้วย มะม่วง แครอท ช่วยลดการเสื่อมของจอประสาทตา(macula)ในผู้สูงอายุ ลดความเสื่ยงจากมะเร็งต่อมลูกหมาก(prostate cancer) ลดคอเรสเตอรอลตัวร้าย(LDL cholesterol) และลดความดันเลือด มีสารเบต้าแครอทีน(beta-carotene)ซึ่งเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระในธรรมชาติ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรค(immune system)ของร่างกาย ทำให้กระดูกแข็งแรง ในผักและผลไม้สีเหลืองหรือส้ม มีสารอาหารหลายอย่าง เช่น beta-carotene zeaxanthin flavonoids lycopene pot

อาหารบำรุงสมอง

อาหารบำรุงสมอง มีอะไรบ้าง จะกินอะไรจึงจะทำให้ความจำดีเยี่ยม พัฒนาการของสมองดีเยี่ยม อาหารเพื่อการบำรุงสมอง มีหลายอย่าง สมองจะทำงานได้ดี ต้องการสารอาหารหลายประเภท เราควรเริ่มบำรุงสมองตั้งแต่อยู่ในวัยเด็ก สารอาหารที่จำเป็นสำหรับพัฒนาการของสมอง ได้แก่ โคลีน (choline) และ ดีเอสเอ (DHA)ซึ่งเป็นกรดโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่ง โคลีน มีในไข่แดง ตับ จมูกข้าว และถั่วเมล็ดแห้ง และ DHA มีในปลา และนม ดังนั้น เด็ก ๆ จึงควรรับประทานอาหารประเภท ปลา นม ไข่แดง ตับ จมูกข้าวให้มาไว้ก่อน เพื่อการบำรุงสมอง สำหรับผู้ใหญ่ ต้องการสาร ไทโรซีน (tyrosine)โดยเฉพาะ แอลไทโรซีน(L-Tyrosine) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสังเคราะห์ได้เองจากกรดอะมิโน นอกจากนี้ยังต้องการวิตามินซี เพื่อช่วยนำสัญญาณไปมาระหว่างเซลล์ในสมอง และยังต้องการสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยปกป้องสมองจากการถูกโจมตี หรือเสื่อมสภาพไปตามอายุขัย สารแอลไทโรซึน (L-Tyrosine) ทำหน้าที่ช่วยลดความเครียด ทำให้สมองตื่นตัว สกัดความอยากอาหาร (appetite suppressant)ลดไขมัน บำรุงผิวหนังและเส้นผม นอกจากนี้ยังเพิ่มพลังทางเพศ อีกด้วย สมองดึงดูดพลังงานของร่างกายไปใช้มากที่สุด

กล้วย บำรุงสุขภาพ

กล้วยเป็นอาหารบำรุงสุขภาพ อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารต่าง ๆ มากมาย กล้วยมี วิตามินซี โปแตสเซี่ยม และเส้นใยอาหาร กล้วยไม่มีโซเดียม ไขมัน หรือคอเลสเตอรอล วิตามินซีในกล้วย ช่วยป้องกันและรักษาอาการอักเสบ ช่วยสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue)เชื่อมโยงยึดเหนี่ยวอวัยวะและโครงสร้างต่าง ๆ ของร่างกายให้อยู่รวมกัน และ ค้ำจุนร่างกาย นอกจากนี้ วิตามินซีในกล้วย ยังช่วยดูดซับธาตุเหล็ก และสร้างเม็ดเลือดอีกด้วย โปแตสเซี่ยมในกล้วย ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะ อาหารที่มีโปแตสเซี่ยมสูง จะช่วยป้องกันความดันเลือดสูง และอัมพาต (stroke) อีกด้วย กล้วยให้พลังงานแก่ร่างกายได้ทันทีทันควัน เนื่องจากมีน้ำตาลธรรมชาติ ได้แก่ ซูโคลส(sucrose) ฟรุทโตส(fructose) และกลูโคส (glucose)ดังนั้น เมื่อร่างกายอ่อนเพลีย สามารถรับประทานกล้วย เพื่อให้พลังงาน แก่ร่างกายได้ทันที กล้วยมีวิตามินบี 6 ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย และสร้างเม็ดเลือดแดง และระบบประสาท(nervous system) รับประทานกล้วย ช่วยบำรุงสมอง กล้วยได้ชื่อว่า เป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรทมากกว่าผลไม้อื่น ซึ่งเป็นผลดี เพราะร่างกายได้รับแคลอลี่จากคา

โฟเลต (Folate) คืออะไร

โฟเลต (Folate) คือ วิตามินบีที่ละลายน้ำได้ ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางในการตั้งครรภ์ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับหญิงมีครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โฟเลต ช่วยในการสร้างเซลล์ของร่างกาย โดยเฉพาะสำหรับทารกในครรภ์มารดา โฟเลทฃช่วยสร้าง DNA และ RNA ซึ่งจำเป็นในการสร้างเซลล์ ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ต้องการโฟเลต เพื่อสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยระษาระดับกรดอะมิโน การขาดโฟเลต ถ้าเป็นในหญิงตั้งครรภ์ อาจจะให้กำเนิดเด็กที่น้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ คลอดก่อนกำหนด หรือเกิดภาวะ neural tube defects ในเด็กแรกเกิด จะทำให้เจริญเติบโตช้า และถ้าเป็นการขาดโฟเลตในผู้ใหญ่จะทำให้เป็นโรคโลหิตจาง โฟเลตพบในอาหาร โดยเฉพาะผักใบสีเขียว ผลไม้ กล้วย ส้ม แคนตาลูป และถั่วต่าง ๆ นอกจากนี้ยังพบในเนื้อวัว และตับไก่ อ้างอิง http://ods.od.nih.gov/factsheets/folate/ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=marquez&group=8&date=18-05-2007&gblog=20

กระเจี๊ยบ อาหารสำหรับหญิงมีครรภ์

รูปภาพ
กระเจี๊ยบ หรือผักกระเจี๊ยบ เป็นอาหารพื้นบ้านของไทย หญิงมีครรภ์ควรรับประทานเป็นอย่างยิ่ง เพราะในกระเจี๊ยบมีกรดโฟลิค (folic acid) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองของทารกในครรภ์มารดา ในช่วงสัปดาห์ที่ 4-12 นับแต่การปฏิสนธิ กระเจี๊ยบเป็นพืชผักที่มีมาแต่โบราณ พบว่ามีปลูกในประเทศเอธิโอเปีย เป็นเวลากว่า 3,500 ปี มาแล้ว เป็นพืชท้องถิ่นแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ทวีปแอฟริกาตอนเหนือ และตะวันออกกลาง ยางเมือกเหนียว (mucilage) และเส้นใยของกระเจี๊ยบ ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด โดยการดูดซึมภายในลำไส้เล็ก เส้นใยอาหารของกระเจี๊ยบ ช่วยบำรุงรักษาระบบทางเดินอาหาร ช่วยดูดซับน้ำ คอเลสเตอรอบส่วนเกิน และช่วยไม่ให้ท้องผูกได้อีกด้วย บำรุงรักษากระเพาะและลำไส้ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก กระเจี๊ยบเป็นยอดอาหารการลดน้ำหนัก การปรุงอาหารไม่ควรให้สุกจนเกินไป เพราะจะทำให้สูญเสียคุณค่าทางอาหาร โดยเฉพาะยางเมือกเหนียวของกระเจี๊ยบก็จะสูญเสียไปด้วย กระเจี๊ยบช่วยส่งเสริมแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ (probiotics) และช่วยสังเคราะห์วิตามินบีรวม อีกด้วย ว่ากันว่า กระเจี๊ยบช่วยให้ผมมีสปริง โดยหั่นกระเจี๊ยบตามขวาง แล้วต้มแล้วทำให้เย็นแล้

ฟักทอง พืชผักที่อุดมไปด้วยวิตามิน

รูปภาพ
ฟักทองได้ชื่อว่าเป็นพืชผักที่อุดมไปด้วยวิตามินต่อต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซี และ วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น leutin xanthins และ carotenes เป็นต้น ฟักทองมีแคลอลี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมคอเรสเตอรอลและผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ฟักทองไม่มีไขมันอิ่มตัว(saturated fats)มีเส้นใยอาหารที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก วิตามินเอในฟักทอง ช่วยเรื่องผิวพรรณ บำรุงสายตา มีการวิจัยยืนยันว่า อาหารที่มีวิตามินเอสูง ช่วยป้องกันมะเร็งปอด และมะเร็งในช่องปากได้ มาปลูกฟักทองเป็นผักสวนครัวกันดีกว่า ฟักทองเป็นพืชเถาปลูกได้ทั่วไป เป็นพืชผักที่แมลงไม่ค่อยชอบทำลาย อายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 120-180 วัน ผักทองแต่ละต้น จะให้ผลได้ 4-5 ผล ถ้าดูแลดี ๆ จะให้ผลได้ถึง 7 ผล ต่อต้นทีเดียว ลักษณะนิสัยของฟักทอง ฟักทองเป็นพืชผักที่มีลำต้นทอดและเลื้อยไปตามพื้นดิน เช่นเดียวกับแตงโม มีดอกสีเหลือง ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะแยกกันแต่อยู่ในต้นเดียวกัน ดังนั้น จึงต้องการช่วยผสมเกสร โดยวิธีธรรมชาติ เช่น ลมพัด หรือมีแมลงผสมเกสร หรือผู้ปลูกช่วยผสมเกสรเพื่อการติดผล ฟักทองเป็นไม้เถาอ่อน มีขนสากมือ มีหนวด

กล้วยน้ำว้า

กล้วยน้ำว้าให้พลังงานมากที่สุด กล้วยน้ำว้าห่ามและสุกมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี มีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น กินกล้วยน้ำว้าสุก จะช่วยระบายท้องและสามารถรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันในเด็กเล็กได้ ช่วยลดอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกที่มีอาการไอแห้งร่วมด้วย โดยกินวันละ ๔-๖ ลูก แบ่งกินกี่ครั้ง ก็ได้ กินกล้วยก่อนแปรงฟันทุกวันจะทำให้ไม่มีกลิ่นปาก และผิวพรรณดี เห็นผลได้ใน ๑ สัปดาห์ กล้วยน้ำว้าดิบและห่ามมีสารแทนนิน เพคตินมีฤทธิ์ฝาดสมาน รักษา อาการท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้ โดยกินครั้งละครึ่งผล หรือ ๑ ผล อาการท้องเสียจะทุเลาลง นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยยังพบว่า มีผลในการรักษาโรคกระเพาะได้อีกด้วย กล้วยดิบรักษาอาการท้อง เสียที่ไม่รุ่นแรง โดยใช้กล้วย น้ำว้าห่าม รับประทานครั้ง ละครื่งผล-หนึ่งผล หรือ ใช้กล้วยน้ำว้าดิบ ฝานเป็น แว่นตาก แดด ให้ แห้ง บด เป็นผง ชงน้ำดื่มครั้ง ละครึ่งผลถึงหนึ่ง ผล หรือบดเป็นผง ปั้นเป็น ยาลูกกลอนรับประทานครั้งละ 4 เม็ค วันละ 2 ครั้ง

โปรตีน ช่วยเสริมสร้างร่างกาย

รูปภาพ
โปรตีน เป็นสารอาหารที่พบมากในเนื้อสัตว์ ถั่ว ไข่ และนม โปรตีนจำเป็นสำหรับร่างกาย เพราะเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์ในร่างกายของเรา โปรตีนให้พลังงาน ประมาณ ร้อยละ 10-15 ของพลังงานที่เราได้จากการรับประทานอาหาร ร่างกายใช้โปรตีนที่เรารับประทานจากอาหารต่าง ๆ ในการสร้างเซลล์ของร่างกาย สร้างฮีโมโกลบิล (hemoglobin) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเม็ดเลือดแดง ที่นำพาออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ ยังใช้สร้างสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ (cardiac muscle) และยังช่วยในด้านภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคต่าง ๆ ได้ เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีโปรตีนเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะย่อยโปรตีนเป็นกรดอะมิโน (amino acids)กรดอะมิโนบางอย่าง ร่างกายนำไปสร้างโปรตีนขึ้นใหม่เพื่อบำรุงรักษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก เลือด และอวัยะต่าง ๆ เป็นต้น ถ้าร่างกายขาดโปรตีน จะทำให้ร่างกายไม่เจริญเติบโตตามปกติ กล้ามเนื้อลีบ ความต้านทานโรคลดลง หัวใจอ่อนแอ ระบบการหายใจอ่อนแด และถึงตายในที่สุด โปรตีนที่เราได้จากการรับประทานอาหารบางอย่าง เป็นโปรตีนสมบูรณ์ (complete protein) โดยเฉพาะได้จากเนื้อสัตว

มะเขือพวง

รูปภาพ
มะเขือพวง มีสรรพคุณตามตำราแพทย์แผนไทยคือ ช่วยเจริญอาหาร ย่อยอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงธาตุ ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดี แก้ฟกช้ำ ไอเป็นเลือด ฝีบวมมีหนอง ผลดิบของมะเขือพวง ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับปัสสาวะและช่วยย่อยอาหาร การกินผลมะเขือพวงดิบเป็นอาหาร (เช่น ในเครื่องจิ้มชนิดต่าง ๆ) ก็คงมีสรรพคุณทางยาด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว มะเขือพวงยังเป็นอาหาร รับประทานดิบ ๆ จิ้มน้ำพริก หรือนำมาทำอาหารได้หลายอย่าง แต่ที่ขึ้นชื่อคงไม่พ้น แกงเนื้อมะเขือพวง และแกงเขียวหวาน มะเขือพวงมีสารอาหารหลายอย่าง เช่น คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล เส้นใยอาหาร ไขมัน โปรตีน วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 โฟเลต วิตามินซี แคลเซี่ยม เหล็ก แม็กนีเซียม ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แมงกานีส เป็นต้น มะเขือพวงเป็นพืชที่มีอายุยืน ปลูกไว้ 2-3 ต้น จะมีมะเขือพวงไว้กินตลอดปี มะเขือพวงปลูกง่าย ไม่ต้องการการดูแลรักษามากนัก ขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย การปลูกมะเขือพวง มะเขือพวงสามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น การเพาะเมล็ด,การปักชำลำต้น,การปักชำราก,การปักชำยอด,การตอนกิ่ง หรือการเพาะเลี้ยงเน