บทความ

ทุเรียน ไม่มีคอเรสเตอรอล

รูปภาพ
ทุเรียน ไม่มีคอเรสเตอรอล เป็นเรื่องแปลกเพราะ พอพูดถึงทุเรียน บางคนบอกว่า มีคอเรสเตอรอลมากกว่ากินขาหมูเสียอีก เว็บไซต์ www.nutrition-and-you.com รายงานว่า ทุเรียนไม่มีคอเรสเตอรอล แต่ยอมรับว่า มีไขมันสูงกว่าผลไม้อื่นๆ ข้อมูลนี้ ดูเหมือนจะสอดคล้อง กับการวิจัยของ รศ.ดร.ระติพร หาเรือนกิจ, รศ.ดร.สุมิตรา ภู่วโรดม จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ Professor Dr.Shela Gorinstein จาก มหาวิทยาลัยฮิบบรูและคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยการเกษตรวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ที่ระบุว่า หนูทดลองที่ได้รับทุเรียนหมอนทองในอาหาร สามารถลดสารคอเลสเตอรอล ทั้งหมดได้ 16% และลด LDL คอเรสเตอรอลได้ถึง 31.3% LDL เป็นคอเรสเตอรอลตัวร้าย ที่ไปสะสมในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดอุดตันได้ นอกจากนี้ ทุเรียนยังมี แร่ธาตุ สารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ ที่มีประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น วิตามินซี บี9(โฟเลต) บี 6 กำมะถัน โปรตีน(กรดอะมิโน) โปแตสเซี่ยม แมงกานีส แมกนีเซียม เหล็ก เส้นใยอาหาร(ไฟเบอร์)ทองแดง คาร์โบไฮเดรท และน้ำตาล (simple sugar) ที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที เช่น fructose และ sucrose เป็นต้น โดยสรุป กินทุเรีย

กล้วยน้ำว้า

กล้วยน้ำว้าให้พลังงานมากที่สุด กล้วยน้ำว้าห่ามและสุกมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี มีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น กินกล้วยน้ำว้าสุก จะช่วยระบายท้องและสามารถรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันในเด็กเล็กได้ ช่วยลดอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกที่มีอาการไอแห้งร่วมด้วย โดยกินวันละ ๔-๖ ลูก แบ่งกินกี่ครั้ง ก็ได้ กินกล้วยก่อนแปรงฟันทุกวันจะทำให้ไม่มีกลิ่นปาก และผิวพรรณดี เห็นผลได้ใน ๑ สัปดาห์ กล้วยน้ำว้าดิบและห่ามมีสารแทนนิน เพคตินมีฤทธิ์ฝาดสมาน รักษา อาการท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้ โดยกินครั้งละครึ่งผล หรือ ๑ ผล อาการท้องเสียจะทุเลาลง นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยยังพบว่า มีผลในการรักษาโรคกระเพาะได้อีกด้วย กล้วยดิบรักษาอาการท้อง เสียที่ไม่รุ่นแรง โดยใช้กล้วย น้ำว้าห่าม รับประทานครั้ง ละครื่งผล-หนึ่งผล หรือ ใช้กล้วยน้ำว้าดิบ ฝานเป็น แว่นตาก แดด ให้ แห้ง บด เป็นผง ชงน้ำดื่มครั้ง ละครึ่งผลถึงหนึ่ง ผล หรือบดเป็นผง ปั้นเป็น ยาลูกกลอนรับประทานครั้งละ 4 เม็ค วันละ 2 ครั้ง

ปุ่มถูกใจ บนหน้าเว็บ ด้วย XFBML

รูปภาพ
การนำปุ่มถูกใจ ของ Facebook มาปิดไว้บนหน้าเว็บของเรา ทำให้เว็บเป็นเว็บสังคม ที่ทำให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น และบอกต่อ เป็นก้าวหนึ่งในการทำให้ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายไปสู่คนอื่น ๆ ตัวอย่าง ปุ่ม ถูกใจ หรือดูตัวอย่าง ปุ่ม ถูกใจ ที่ใช้งานจริง ที่เว็บของ สถาบัน กศน.ภาคกลาง ปุ่มถุกใจ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ ใช้ Iframe ใช้ XFMBL (Extended Facebook Markup Language) การใช้ Iframe เป็นวิธีที่ง่าย โดยไปที่ http://developers.facebook.com/docs/reference/plugins/like/ และกรอกข้อมูล URL ของเว็บ เลือกให้แสดงภาพของผู้คลิก กำหนดขนาด และอื่น ๆ เมื่อได้โค้ดแล้ว ให้นำมาวางในตำแหน่งที่ต้องการ การใช้ XFBML ทำอะไรได้มากกว่าการใช้ Iframe แต่ต้องเรียกใช้ JavaScript SDK และ ต้องกำหนดให้หน้าเว็บเป็น application ของ Facebook ซึ่งทำได้ไม่ยาก วิธีการสร้าง ปุ่มถูกใจ ด้วย XFBML มีดังนี้ กำหนดให้หน้าเว็บเป็น Application ของ Facebook ซึ่งจะทำให้หน้าเว็บสามารถใช้ JavaScript SDK ได้ และจะได้รับหมายเลข ID สำหรับระบุว่าเป็นเว็บของเราต่อไปก่อนอื่น ต้องเป็นสมาชิกของ Facebook และ Login เข้าสู่ระบบของ F

ตัวห้ำตัวเบียน

รูปภาพ
ในวิถีเกษตรธรรมชาติ เรามีผู้ช่วยคือ ตัวห้ำและตัวเบียน มาช่วยงาน ช่วยปรับสมดุลธรรมชาติ ช่วยปราบแมลงด้วยกันเอง ทำให้พืชผักที่เราปลูกอยู่ได้ตามธรรมชาติ ตัวห้ำตัวเบียน เป็นแมลงศัตรูธรรมชาติ ที่ช่วยสร้างความสมดุลของธรรมชาติ ตัวห้ำ คือแมลงที่กินแมลงชนิดเดียวกันเป็นอาหาร ส่วน ตัวเบียน คือ แมลงที่เกาะอาศัยอยู่ในหรือนอกร่างกายของแมลงตัวอื่นและเบียดเบียนหรือดูดกินแมลงที่มันอาศัยอยู่ ในทำนองเดียวกับพยาธิหรือกาฝากนั่นเอง ตัวห้ำ ตัวห้ำ กินแมลงชนิดเดียวกันเองเป็นอาหาร เรียกว่าเป็นนักล่า (Predator) แบ่งออกเป็น 2 พวกใหญ่ ๆ คือ 1. พวกที่มีความว่องไว กระตือรือร้นในการออกหาเหยื่อ พวกนี้มักจะมีอวัยวะที่ตัดแปลงไปเพื่อช่วย ในการจับเหยื่อ เช่น มีขาขื่นยาวสำหรับจับเหยื่อ เช่น ตั๊กแตนตำข้าว บ้างก็มีตาใหญ่เพื่อเพิ่มความสามารถในการมองเห็นเหยื่อได้ชัดเจน เช่น แมลงปอ เป็นต้น 2. พวกที่กินเหยื่ออยู่กับที่ เช่น ด้วงเต่าลายกินเพลี้ยอ่อนซึ่งไม่มีอวัยวะดัดแปลงพิเศษแต่อย่างใด แมลงตัวหํ้าที่มีปากแบบกัดกินจะกัดเหยื่อเป็นชิ้นๆ แล้วเคี้ยวกินเป็นอาหารเช่น ตั๊กแตนตำข้าว แมลงปอ เป็นต้น ส่วนตัวหํ้าที่มีปากแบบแ

โปรตีน ช่วยเสริมสร้างร่างกาย

รูปภาพ
โปรตีน เป็นสารอาหารที่พบมากในเนื้อสัตว์ ถั่ว ไข่ และนม โปรตีนจำเป็นสำหรับร่างกาย เพราะเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์ในร่างกายของเรา โปรตีนให้พลังงาน ประมาณ ร้อยละ 10-15 ของพลังงานที่เราได้จากการรับประทานอาหาร ร่างกายใช้โปรตีนที่เรารับประทานจากอาหารต่าง ๆ ในการสร้างเซลล์ของร่างกาย สร้างฮีโมโกลบิล (hemoglobin) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเม็ดเลือดแดง ที่นำพาออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ ยังใช้สร้างสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ (cardiac muscle) และยังช่วยในด้านภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคต่าง ๆ ได้ เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีโปรตีนเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะย่อยโปรตีนเป็นกรดอะมิโน (amino acids)กรดอะมิโนบางอย่าง ร่างกายนำไปสร้างโปรตีนขึ้นใหม่เพื่อบำรุงรักษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก เลือด และอวัยะต่าง ๆ เป็นต้น ถ้าร่างกายขาดโปรตีน จะทำให้ร่างกายไม่เจริญเติบโตตามปกติ กล้ามเนื้อลีบ ความต้านทานโรคลดลง หัวใจอ่อนแอ ระบบการหายใจอ่อนแด และถึงตายในที่สุด โปรตีนที่เราได้จากการรับประทานอาหารบางอย่าง เป็นโปรตีนสมบูรณ์ (complete protein) โดยเฉพาะได้จากเนื้อสัตว

ไขมัน แหล่งพลังงานของร่างกาย

รูปภาพ
ทุกคนต้องรับประทานอาหารที่มีไขมัน เพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ถ้ารับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไป จะทำให้อ้วนได้ ร้ายกว่านั้น ถ้ามีไขมันชนิดอิ่มตัว(saturated fat)มากเกินไป จะทำให้ระดับคอเรสเตอรอลสูง เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เป็นโรคเบาหวาน ความดันเลือดสูง หรือแม้กระทั่งเป็นโรคมะเร็งบางอย่างได้ ไขมันนอกจากจะให้พลังงานแก่ร่างกายแล้ว ยังให้กรดไขมัน(fatty acids)ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง และนอกจากนี้ ยังช่วยดูดซึมสารอาหารบางอย่างได้อีกด้วย ไขมันมีหลายชนิด ไขมันบางอย่างให้คุณแต่บางอย่างเป็นไขมันตัวร้าย ทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ ดังนั้นจึงควรรู้จักไขมันชนิดต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงไขมันที่จะก่อปัญหา และบริโภคไขมันที่ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ประเภทของไขมัน ไขมันที่ให้คุณ (The Good Fats) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fat หรือ MUFAs)ช่วยลดคอเลสเตอรอลโดยภาพรวม ลด คอเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL cholesterol) และเพิ่ม คอเลสเตอรอลตัวดี (HDL cholesterol) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ยังได้ชื่อว่า สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวมีส่วนช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

คาร์โบไฮเดรท

อาหารที่เรากินส่วนใหญ่มีคาร์โบไฮเดรทที่จำเป็นต่อร่างกาย ร่างกายจะย่อยคาร์โบไฮเดรทเป็นน้ำตาล ซึ่งเป็นแหล่งพลังงาน ให้เรามีแรงในการทำงาน การเคลื่อนไหวร่างกาย ถ้าขาดคาร์โบไฮเดรทอาจจะแสดงอาการ เป็นตะคริว (muscle cramps) อ่อนเพลีย สมองทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนความต้านทานต่อเชื้อโรค และความเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ลดลง คาร์โบไฮเดรท ในอาหารที่เรารับประทาน สามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ชนิด คือ แบบง่าย (Simple carbohydrates) และซับซ้อน คาร์โบไฮเดรทแบบง่าย คาร์โบไฮเดรทแบบง่าย เป็นคาร์โบไฮเดรทที่ให้ความหวาน ได้มาจากน้ำตาลบริสุทธิ์ (refined sugars) เช่น น้ำตาลทรายขาว อาหารที่ใส่น้ำตาล จะมีคาร์โบไฮเดรทแบบง่าย เช่น ขนมหวาน นม และผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ นอกจากจะให้ความหวานแล้ว ยังได้สารอาหารอื่น เช่น วิตามิน เกลือแร่ และใยอาหาร อีกด้วย ร่างกายสามารถดูดซึมคาร์โบไฮเดรทชนิดนี้เข้ากระแสเลือดได้โดยตรง ในรูปของน้ำตาลกลูโคส ซึ่งให้พลังงานแก่ร่างกาย น้ำตาลกลูโคสจะไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด ไปยังทุกส่วนของร่างกาย กลูโคสในกระแสเลือดถ้าไม่อยู่ในระดับปกติ จะทำให้เกิดโทษได้ เช่น เกิดโรคเบาหวาน คาร์โบไฮ

ถั่วเขียว ปรับสภาพดิน

รูปภาพ
ที่ดินหน้าบ้าน ประมาณ 10 ตารางวา ผมกันเอาไว้ปลูกผัก แต่ดินที่นำมาถมปรับพื้นที่เป็นดินเหนียว ไม่เหมาะกับการปลูกผัก เพราะดินเหนียวระบายน้ำไม่ดี แต่ข้อดีของดินเหนียวคือมีสารอาหารต่าง ๆ อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ เพียงแต่ว่า พืชไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงต้องมีการปรับปรุงดินให้ร่วนซุยขึ้นมาบ้าง ผมเริ่มจากการใช้จอบฟื้นดิน และย่อยให้ดินเป็นก้อนเล็ก ๆ จากนั้นไปซื้อขี้วัวมา 20 กระสอบปุ๋ย ให้เขามาส่ง และผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน และนำเมล็ดถั่วเขียวที่ซื้อมาจากตลาด แช่น้ำทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง พอถั่วเขียวเริ่มเต่ง จึงนำไปหว่าน ช่วงเวลาที่หว่าน เป็นตอนเย็น เพราะอาศัยอุณหภูมิตอนกลางคืน ช่วยให้ถั่วเขียวปรับสภาพตัวเอง ถ้าหว่านตอนเช้า ตอนกลางวันอากาศร้อนเกินไป อาจจะทำให้เมล็ดถั่วเขียวชะงักการเจริญเติบโตได้ หลังจากหว่าน ประมาณ 1-2 วันเท่านั้น ถั่วเขียวขึ้นเห็นทันตา ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ถั่วเขียวเร่ิ่มมีดอก จึงใช้จอบฟื้นดินในบริเวณที่ปลูกถั่วเขียวอีกครั้ง เป็นการใช้ต้นถั่วเขียวเป็นปุ๋ยพืชสดผสมกับดิน และ หว่านถั่วเขียวอีกครั้ง เป็นรอบที่สอง พอถั่วเขียวขึ้นพอประมาณ จะฟื้นดินอีกครั้ง และผสมปุ

มะเขือพวง

รูปภาพ
มะเขือพวง มีสรรพคุณตามตำราแพทย์แผนไทยคือ ช่วยเจริญอาหาร ย่อยอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงธาตุ ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดี แก้ฟกช้ำ ไอเป็นเลือด ฝีบวมมีหนอง ผลดิบของมะเขือพวง ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับปัสสาวะและช่วยย่อยอาหาร การกินผลมะเขือพวงดิบเป็นอาหาร (เช่น ในเครื่องจิ้มชนิดต่าง ๆ) ก็คงมีสรรพคุณทางยาด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว มะเขือพวงยังเป็นอาหาร รับประทานดิบ ๆ จิ้มน้ำพริก หรือนำมาทำอาหารได้หลายอย่าง แต่ที่ขึ้นชื่อคงไม่พ้น แกงเนื้อมะเขือพวง และแกงเขียวหวาน มะเขือพวงมีสารอาหารหลายอย่าง เช่น คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล เส้นใยอาหาร ไขมัน โปรตีน วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 โฟเลต วิตามินซี แคลเซี่ยม เหล็ก แม็กนีเซียม ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แมงกานีส เป็นต้น มะเขือพวงเป็นพืชที่มีอายุยืน ปลูกไว้ 2-3 ต้น จะมีมะเขือพวงไว้กินตลอดปี มะเขือพวงปลูกง่าย ไม่ต้องการการดูแลรักษามากนัก ขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย การปลูกมะเขือพวง มะเขือพวงสามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น การเพาะเมล็ด,การปักชำลำต้น,การปักชำราก,การปักชำยอด,การตอนกิ่ง หรือการเพาะเลี้ยงเน

โฟเลต สารอาหารสำหรับทารกและหญิงมีครรภ์

โฟเลต (Folate) เป็นวิตามินในกลุ่มวิตามินบีที่ละลายน้ำได้ มีในผักสีเขียว folate มาจากภาษาละตินว่า folium หมายถึงใบไม้ โฟเลต นอกจากจะได้จากผักสีเขียวแล้ว ยังมีในอาหารอื่น ๆ อีก เช่น ผลไม้ ถั่ว มะเขือเทศ และน้ำส้ม เป็นต้น โฟเลต ช่วยสังเคราะห์ยีนหรือสารพันธุกรรม (DNA) ให้คงรูปโครโมโซม จำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์ และการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อต่าง ๆ จึงจำเป็นสำหรับทารกที่กำลังเจริญเติบโต และหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ช่วยลดโอกาสการเป็นโรคโลหิตจาง และช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด โฟเลตช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยเผาผลาญโปรตีนสำหรับร่างกาย ช่วยในการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโตของเซลล์ ช่วยป้องกันความพิการ ไม่สมประกอบ (neural tube defects) ของทารกที่จะเกิดมาดูโลก ความพิการนี้ อาจจะเกิดขึ้นได้ ในช่วงวันที่ 17-30 หลังการปฏิสนธิ ทำให้เด็กที่ออกมามีลักษณะที่ผิดปกติไปมาก จากเด็กทั่ว ๆ ไป ร่างกายต้องการโฟเลตไม่มากในแต่ละวัน ปกติหน่วยสารอาหารทั่ว ๆ ไป มีหน่วยเป็นมิลิกรัม แต่ ความต้องการโฟเลต มีหน่วยเป็นไมโครกรัม ซึ่งน้อยกว่ามิลิกรัมอยู่ หนึ่งพันเท่า หนึ่งกรัม เท่ากับ หนึ่งล้านไมโครกรัม คณะกรรมการจั

มะเขือ

รูปภาพ
มะเขือ เป็นพืชผักพื้นบ้าน ปลูกง่ายทุกฤดู และมีอายุยืน จึงเหมาะที่จะเป็นพืชสวนครัว เพราะอยู่ได้นาน และนำมารับประทานสดจากต้น อร่อยและได้คุณค่ามากกว่าซื้อที่ตลาด มะเขือ มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มากกว่า 80 ชนิด โดยเฉพาะในมะเขือ มีสาร phytonutrients ซึ่งเป็นตัวกำจัดอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่ทรงประสิทธิภาพ โดยทำงานร่วมกับวิตามินและแร่ธาตุ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของคนเรามีความแข็งแกร่งซึ่งจะช่วยป้องกันอันตรายจากโรคร้ายต่าง ๆ ได้ ที่ผิวของมะเขือมี nasuin ซี่งเป็นหนึ่งในจำนวนสารที่ประกอบเป็น photonutrients สาร nasuin ช่วยป้องกัน lipids ที่เยื่อหุ้มสมอง ช่วยป้องกันการโจมตีของอนุมูลอิสระ ทำให้สมองทำงานได้ตามปกติ Nasuin ช่วยกำจัดธาตุเหล็ก (iron) ส่วนเกินที่ร่างกายไม่ต้องการ ถ้าร่างกายมีธาตุเหล็กมากเกินไป จะทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular disease) และเสื่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด Nasuin ช่วยป้องกันข้อต่อ จากการเข้าทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) นอกจากนี้ ในมะเขือยาว มีสารประกอบ phenolic compounds ช่วยลดระดับคอเลสเต

ผักบุ้งจีน (Water Convolvulus หรือ Water Spinach)

รูปภาพ
ผักบุ้งจีนเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยต้านทานโรค วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา คนโบราณบอกว่า กินผักบุ้งแล้วตาหวาน ผักบุ้งจีนอุดมไปด้วย โปแตสเซี่ยม ซึ่งที่มีหน้าที่ควบคุมความสมดุลของน้ำในร่างกาย และมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกายเราหลายอย่าง เช่น กล้ามเนื้อหัวใจ เป็นต้น และนอกจากนี้ ผักบุ้งจีนยังช่วยป้องกันจอตา (Retina) เสื่อมได้ในผู้สูงอายุ การปลูกผักบุ้งจีน ผักบุ้งจีนปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด ดินที่เหมาะสมในการปลูกผักบุ้งจีน คือดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย ผักบุ้งจีนชอบชื้นแฉะ ต้องการความชื้นในดินสูงมากอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตอยู่ในช่วงที่สูงกว่า 25 องศาเซลเชียส ต้องการแสงแดดเต็มที ซึ่งประเทศไทยสามารถปลูกได้ดีตลอดไป โดยมีวิธีปลูกง่าย ๆ ดังนี้ ขั้นตอนในการปลูก 1. ทำแปลงปลูกผัก ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักใส่ผสมลงไปเพื่อให้ดินร่วนซุย สมบูรณ์ 2. เกลี่ยดินให้เสมอกัน และขีดเป็นแถวๆ ห่างกันประมาณ 12 - 15 ซม. ขวางทางยาวของแปลง 3. นำเมล็ดไปแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน (ถ้าต้องการให้งอกเร็วให้ต้มน้ำให้เดือดนำไปผสมกับน้ำให้อุณหภูมิอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส นำเมล็ดแช่น้

การปลูกผักสวนครัว ตามฤดูกาล

รูปภาพ
ผักสวนครัว ถ้าปลูกตามฤดูกาล จะได้ผลดี เพื่อให้ได้อุณหภูมิ และน้ำพอเหมาะ พืชบางอย่างต้องการน้ำน้อยและทนร้อน ก็ปลูกในฤดูร้อนได้ พืชบางชนิดต้องการอากาศหนาวจึงจะได้ผลดี พืชผักที่ควรปลูกในฤดูต่าง ๆ มีดังนี้ ผักที่ปลูกได้ตลอดปี ได้แก่ กวางตุ้ง คะน้า ผักตระกูลแตง ผักตระกูลถั่ว ผักตระกูลมะเขือ หอมแดง หอมแบ่ง สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง แมงลัก โหระพา กะเพรา ผักตำลึง ผักบุ้งไทย กระชาย ข่า ตะไคร้ บัวบก มะแว้ง มะเขือพวง พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู เป็นต้น พืชเหล่านี้ปลูกได้ตลอดปี และปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย ผักที่ควรปลูกใน ต้นฤดูฝน คือ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม ได้แก่ หอมแบ่ง ผักกาดเขียวกวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า พริกต่างๆ มะเขือต่างๆ ผักกาดหัว ผักกาดหอม บวบ มะระ ฟักเขียว แฟง แตงกวา ข้าวโพดหวาน ถั่วฝักยาว ถั่วพุ่ม น้ำเต้า ถั่วพู กระเจี้ยบเขียว ผักที่ควรปลูก ปลายฤดูฝน ผักใดที่ปลูกต้นฤดูฝนก็ปลูกได้ผลดีในปลายฤดูฝน ยิ่งกว่านั้นยังปลูกผักฤดูหนาวได้อีกด้วย เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปม บร็อคโคลี่ ถั่วลันเตา หอมหัวใหญ่ แครอท แรดิช ผักชี ผักกาดเขียวปลี ผักกาดขาวปลี ผักกาดหอมห่อ ข้าวโพดหวาน แตงเท

การรับประทานผัก ให้ปลอดภัย

ผักให้ประโยชน์ต่อร่างกายมาก แต่พบว่าในตลอด มีสารตกค้างมาก ซี่งเกิดจากการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม ถ้าเกษตรกรใช้วิธีเกษตรอินทรีย์ จะช่วยลดทั้งเงินลงทุน และความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม เกษตรอินทรียยังไม่แพร่หลายมาก วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการปลูกผักสวนครัวรับประทานเอง จะช่วยลดการซื้อผักจากตลาด ลดการเสี่ยงจากสารพิษลงได้มาก อย่างไรก็ตาม เราคงต้องซื้อผักจากตลาดมารับประทาน เราจึงต้องมีวิธีการลดปริมาณสารพิษในพืชผัก ก่อนการปรุงอาหาร ซึ่งมีอยู่หลายวิธี ดังนี้ 1. ลอกหรือปอกเปลือก แล้วแช่น้ำสะอาดนาน 5-10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 27-72 2. แช่น้ำปูนใส นาน 10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 34-52 3. การใช้ความร้อน ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 48-50 4. แช่น้ำด่างทับทิม นาน 10 นาที (ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด) ผสมน้ำ 4 ลิตร) ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-43 5. ล้างด้วยน้ำไหลจากก๊อก นาน 2 นาที ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 25-39 6. แช่น

วิตามินบี

วิตามินบี เป้นกลุ่มวิตามินที่ละลายน้ำได้ ทำหน้าที่หลักในการช่วยในการเผาผลาญอาหาร (metabolism) เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรท ไขมัน รวมทั้งช่วยการทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร อีกด้วย วิตามินบี เมื่อก่อนคิดกันว่าเป็นวิตามินเดียว หรือ วิตามินซี แต่ ต่อมาพบว่า มันเป็นกลุ่มของวิตามินที่มีองค์ประกอบทางเคมีแตกต่างกัน ที่มักพบว่ามีในอาหารชนิดเดียวกัน วิตามินบีรวม (Vitamin B complex) ประกอบด้วย 8 ชนิดคือ Vitamin B1 (thiamine) Vitamin B2 (riboflavin) Vitamin B3 (niacin or niacinamide) Vitamin B5 (pantothenic acid) Vitamin B6 (pyridoxine, pyridoxal, or pyridoxamine, or pyridoxine hydrochloride) Vitamin B7 (biotin) Vitamin B9 (folic acid) Vitamin B12 (various cobalamins; commonly cyanocobalamin in vitamin supplements) ประโยชน์ของวิตามินบี ช่วยการเผาผลาญอาหารของร่างกายให้ดีขึ้น ช่วยบำรุงผิวหนังและกล้ามเนื้อ ช่วยการทำงานของภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท ช่วยในการแบ่งตัวของเซลล์ และการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคโลห

วิตามินบี 1

รูปภาพ
วิตามินบี 1 หรือ Thiamine เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต มีหน้าที่สำคัญ คือ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเผาผลาญอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน ทำให้เกิดพลังงานเพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญของ ระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านนำกระแสความรู้สึกของเส้นประสาท ถ้าร่างกายได้รับวิตามินบีหนึ่งไม่เพียงพอ จะทำให้เป็น โรคเหน็บชา โรคนี้เกิดได้กับบุคคล ทุกกลุ่มอายุ สำหรับเด็กทารกถ้าเป็นโรคเหน็บชา ( Infantile beriberi) จะมีอัตราการเสียชีวิตสูง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันต่อโรค ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินบี 1 ได้ จึงได้ต้องได้รับวิตามินบี 1 จากการบริโภคอาหาร อาหารที่มีวิตามินบี 1 วิตามินบี 1 จากสัตว์ ได้แก่ เนื้อหมู ปลา ปลาดุก ปลาทูนึ่ง ไก่ ตับ และ ไข่ เป็นต้น วิตามินบี 1 จากพืช เช่น ข้าวกล้อง ขาวซ้อมมือ ข้าวหอมมะลิ งาขาว งาดำ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วแระ มะเขือพวง เป็นต้น การเก็บรักษาอาหารให้คงคุณค่า ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาความสดของอาหาร โดยเฉพาะนม หรือข้าว ไม่ควรให้ถูกแสงแดดโดยตรง จะทำให้สูญเสียคุณค่าอาหารโดยไม่จำเป็น

กินผัก ผลไม้ ได้อะไร

รูปภาพ
กินผัก ผลไม้ ช่วยลดความเสี่ยงได้หลายโรค เช่น โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง โดยเฉพาะ มะเร็งลำไส้(Bowel cancer)โรคหอบหืด (Asthma) ช่วยให้ลำใส้ทำงานดีขึ้น และช่วยไม่ให้เกิดต้อกระจก(Cataracts) การกินผัก และผลไม้ ยังได้รับวิตามิน และ เส้นใยอาหาร ช่วยลดการบริโภคไขมัน และช่วยรักษาน้ำหนัก ใช้แทนขนมหวาน ที่มีน้ำตาล ทำให้ฟันผุ เสียสุขภาพ กินผักและผลไม้ ช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ หัวใจวาย หรือแม้แต่ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด ช่วยระบบการย่อยอาหาร ลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด และป้องกัน Cataract และ Macular Degeneration ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สูญเสียการมองเห็น จาก ผลการวิจัย จากการติดตาม ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมการบริโภค ของชาย-หญิง ประมาณ 110,000 คน เป็นเวลา 14 ปี พบว่า ยิ่งกินผักและผลไม้สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยนในแต่ละวันมากเท่าใด ก็ยิ่งลดโอกาสในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดมากเท่านั้น ผักและผลไม้ ช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นสาเหตุสำหรับของโรคหัวใจ (Heart disease) และ การอุดตันของเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงสมอง(Stroke) The World Cancer Research Fund และ The American Institute for Cancer Rese

วิตามินอี

วิตามินอี มีประโยชน์ ดังนี้ ป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต หรือรังสี UV (ultraviolet) ป้องก้นความเสียหายของเซลล์อันเนื่องมาจาก อนุมูลอิสระ (Free radicals) ช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก และ โรค Alzheimer วิตามินอี ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ (coronary heart disease) ป้องกันเลือดจับตัวกันเป็นลิ่ม ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดหัวใจวาย วิตามินอี ช่วยชะลอความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ ทำให้เซลล์สื่อสารกัน (Cell communication)ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่เซลล์ในร่างกายสื่อสารกันได้ดี จะนำไปสู่ "การรักษาดุลยภาพ" (Homeostasis) เป็นดุลยภาพอันนำมาซึ่งการมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจอย่างยั่งยืน อาการที่สังเกตเห็นได้ เมื่อขาดวิตามินอี มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อย โดยเฉพาะด้านการดูดซีมอาหาร รู้สึกเสียวซ่า หรือหมดความรู้สึก บริเวณ แขน มือ ขา หรือเท้า มีปัญหาเกี่ยวกับตับ หรือถุงน้ำดี วิตามินอีมีในอาหารหลายชนิด เช่น จำพวกเนื้อสัตว์ ไก่ ปลา หมู เนื้อวัว ตับ ไข่ นมเนย หรืออาหารจำพวกผัก เช่น ฟักทอง ผักกาดหอม ถั่ว มะเขือเทศ หัวผักกาด หัวแครอท คึ่นไช่ มันเทศ ผลไม้จำพวกส้มเขียวหวาน ส้มโอ นอก

วิตามินเอ

วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก วิตามินเอ ช่วยสร้างเซลล์ของร่างกาย และผิวหนัง วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา อาการแรกที่มักจะพบในคนที่ขาดวิตามินเอ คือ มองไม่ค่อยเห็นในเวลากลางคืน ช่วยพัฒนาการของทารกในครรภ์ วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวหนัง เนื้อเยื่อในจมูก และปากให้สมบูรณ์แข็งแรง วิตามินเอ ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค สร้างกระดูก การเจริญพันธ์ ตลอดจนช่วยรักษาบาดแผลต่าง ๆ วิตามินเอ ได้มาจาก 2 แหล่ง คือ จากสัตว์ (Retinoids)เช่น เนื้อสัตว์ นม เนย ไข่ ตับ และน้ำมันตับปลา เป็นต้น และ วิตามินเอที่ได้จากพืช (Carotenoids)ร่างกายจะเปลี่ยน เบต้า แครอทีน(Beta-carotene)ที่ได้จากพืชให้เป็นวิตามินเอ และเก็บไว้ที่ตับของเรา พืชผักผลไม้ที่มีสีเหลือง ส้ม แดง และเขียวเข้ม มีเบต้าแครอทีนสูง เช่น ตำลึง ผักหวาน ฟักทอง แครอท มะเขือเทศ มะละกอ ใบยอ คะน้า และสะระแหน่ เป็นต้น สตรีมีครรภ์ ควรได้รับวิตามินเออย่างเพียงพอ เพื่อประโยชน์แก่บุตรในครรภ์ ควรรับประทานอาหารที่จะได้รับวิตามินเอสูง เช่น ตับ ตำลึง ฟักทอง มะเขือเทศ คะน้า เป็นต้น การทำอาหารให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากวิตามินเอ

วิตามินซี

รูปภาพ
วิตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ มีความจำเป็นที่ร่างกายต้องได้รับ เพื่อการพัฒนาการเจริญเติบโตของร่างกาย วิตามินซี ละลายน้ำได้ ส่วนเกินจึงถูกขับออกทางปัสสาวะ ดังนั้น ร่างกายจึงต้องการวิตามินซีตลอดเวลา ประโยชน์ของ วิตามินซี วิตามินซี เสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยสร้างคอลลาเจน(collagen)ซึ่งเป็นโปรตีนสำหรับผิวหนัง เส้นเอ็น เนื้อเยื่อแผลเป็น (scar tissue)และเส้นเลือด วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการสมานแผล ซ่อมแซม บำรุงรักษากระดูกอ่อน (cartilage) กระดูก และฟัน วิตามินซี เป็นหนึ่งในตัวต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant)ที่จะทำความเสียหายให้กับเซลล์ในร่างกาย ทำให้แก่เร็ว และเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคไขข้อ (arthritis)เป็นต้น นอกจากนี้ วิตามินซี ยังช่วยลดความเสียหายของร่างกายซึ่งเกิดจากพิษของสารเคมีและมลภาวะ เช่น ควันบุหรี่ เป็นต้น วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด หากเริ่มรับประทาน วิตามินซี ตั้งแต่เริ่มแรกที่เห็นอาการของโรคหวัด จะช่วยให้อาการป่วยลดความรุนแรงและหายได้เร็วขึ้น วิตามินซี ช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น เนื่องจาก วิตามิ

มะระ

รูปภาพ
มะระ มะระไทย หรือ มะระขี้นก(Bitter gourd) เป็นผักราคาถูก ปลูกง่าย แต่มีคุณค่าทางอาหารมากมาย มะระ เป็นทั้งอาหารและมีคุณสมบัติเป็นยา ในมะระ มีธาตุอาหาร ฟอสฟอรัส แมงกานิส แมกนีเซียม สังกะสี Thiamine Foliate และ Riboflavin รวมทั้งวิตามิน บี 1 บี 2 บี 3 และ วิตามินซี นอกจากนี้ยังมี แคลเซี่ยม เหล็ก และเบต้าแครอทีน (Beta-carotene) สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรรับประทานมะระตอนท้องว่าง จะช่วยได้ แต่อย่างรับประทานมากเกินไป จะทำให้ท้องร่วง ท้องเดินได้ น้ำของมะระมี Polypeptide ซึ่งช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและปัสสาวะ Polypeptide เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นอินซูลินพืช (Plant-insulin) ในมะระ มี Charantin ซึ่งใช้รักษาโรคเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด น้ำของมะระยังใช้รักษาโรคพิษสุราเรื้อรัง (Alcoholism) ช่วยซ่อมแซมตับ นอกจากนี้ ถ้าผสมกับนมจะช่วยบรรเทาริดสีดวงทวารได้ หรือใช้รากของมะระตำมาโปะที่ริดสีดวงก็ได้ เบต้าแครอทีน (Beta-carotene)ในมะระ ช่วยเกี่ยวกับดวงตา ทำให้การมองเห็นดีขึ้น มะระไม่มีคอเรสเตอรอลหรือไขมัน ช่วยทำให้เลือดบริสุทธิ์ และช่วยการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยระบบกา

พริกขี้หนู

รูปภาพ
พริก อาหารเพิ่มรสชาดประจำครัวเรือน ถ้าไม่มีพริก โลกคงจะจืดชืดน่าดู นอกจากรสที่เผ็ดร้อนแล้ว พริกยังให้ประโยชน์อีกมากมายหลายอย่าง พริกช่วยหลั่งน้ำย่อย ทำให้อยากอาหาร การรับประทานพริกช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น พริกช่วยปรับปรุงสภาพผิว และช่วยสลายไขมัน ซึ่งจะทำให้รูปร่างเพรียวสวยงาม พริกอุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค วิตามิน บี 16 โปแตสเซี่ยม ทองแดง แมงกานิส เส้นใยอาหาร ไทอะมิน Riboflavin ไนอาซิน โฟเลต เหล็ก แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส พริก มีไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat)ต่ำ มีคอเสลเตอรอล ต่ำ และมีโซเดียมต่ำ พริกยังมีตัวต้านอนุมูลอิสระ พริกช่วยทำลายคอเลสเตอรอลตัวร้าย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรรับประทานพริกหลังอาหารจะช่วยควบคุมระดับอินซูลิน (Insulin) ส่วนประกอบที่สำคัญของพริกคือ Capsaicin ซึ่งช่วยรักษาและบรรเทา การอักเสบ โรคไขข้อ รูมาตอย โรคหอบหืด นอกจากนี้ ยังช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้อีกด้วย พริกสามารถรับประทานเพื่อช่วยลดอาการเจ็บปวด เพราะจะไปกระตุ้นให้ปล่อยสาร Endorphins ซึ่งระงับความเจ็บปวด และยังช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เป็นยาตามธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาหารปวดศีรษะจา

เส้นใยอาหาร

รูปภาพ
เส้นใยอาหาร (Dietary Fiber) พูดกันมานานเรื่องเส้นใยอหาร บางคนบอก Fiber แต่จริง ๆ แล้ว เส้นใยอาหารคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร เส้นใยอาหาร มาจากพืชผัก ผลไม้ ถั่ว เป็นต้น จัดเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรทที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ เส้นใย อาหารไม่มีแคลอลี่ และไม่ให้พลังงาน ดังนั้น เส้นใยอาหารจึงไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือก แต่จะไหลผ่านระบบย่อยออกนอกร่างกาย เป็นกากอาหาร เส้นใยอาหารไม่ใช่ไหลผ่านระบบย่อยไปเฉย ๆ แต่ทำหน้าที่ที่มีประโยชน์ อาหารที่มีเส้นใยจะกินพื้นที่มากกว่าอาหารที่ไม่มีเส้นใย ผลคือทำให้เรารู้สึกอิ่มมากกว่า(increased satiety) และความรู้สึกอิ่มอยู่คงทนมากกว่า เพราะ อาหารที่มีเส้นใยจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวจากกระเพาะไปสู่ลำไส้อย่างช้า ๆ ทำให้รู้สึกอิ่มนานกว่า (delayed gastric emptying) กินอาหารที่ไม่มีเส้นใย จากการวิจัย ค้นพบว่า ผู้ที่กินอาหารที่มีเส้นใย มีรูปร่างเพรียวกว่า และมีแนวโน้มที่จะอ้วนน้อยกว่า เส้นใยอาหาร มี 2 ชนิดคือ ละลายน้ำได้ (Soluble Fiber) และละลายน้ำไม่ได้ (Insoluble Fiber) เส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ ถ้าเอาเส้นใยอาหารชนิดนี้กวนในน้ำร้อน เส้นใยจะละลายได้ ในท้องคนเร

ภัยพิบัติ ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

ภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ ภูมิอากาศ ปีนี้ 2554 ดูจะเปลี่ยนแปลงเลวร้ายเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น เป็นไปได้อย่างไร เดือนมีนาคม 2554 อากาศร้อนมาก แต่วันรุ่งขึ้นฝนตกหนัก อากาศหนาว ประมาณ 17 องศาเซลเซียส หรือน้อยกว่า หนาวมากกว่าเดือนมกราหน้าหนาวเสียอีก วันก่อน ฝนตกหนักแต่แดดออกเปรี้ยง ไม่ใช่เจอครั้งเดียว เจอหลายครัง ญี่ปุ่นแผ่นดินไหว เกิดซึนามิ โรงไฟฟ้านิเคลียร์ระเบิด พม่าเกิดแผ่นดินไหว วันนี้ 30 มีนาคม 2554 ภาคใต้หลายจังหวัด กำลังถูกน้ำท่วม นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และอีกหลายจังหวัด ธรรมดา เดือนมีนาคม เป็นเดือนแห่งการท่องเที่ยว ฟ้าใส ทะเลสวย แต่วันนี้ มีแต่คลื่นลม คุยกับคุณยาย อายุ 70 กว่า บอกว่า เกิดมาก็ไม่เคยเห็นที่เป็นเช่นนี้ ลมฟ้าอากาศ เปลี่ยนแปลงไปมาก ผมอายุ 59 สมัยเด็กเดินลุยโคลนปลักควายไปโรงเรียน สองข้างทางเป็นป่าไผ่ และไม้ยืนต้น ต้นจัน ต้นโพ ต้นมะเกลือ ต้นข่อย ต้นตะโก ต้นมะขามเทศ และอีกเยอะแยะ ทำนาใช้ควายไถนา เข้าเมืองนั่งเรือหางยาว ชั่วโมงกว่า จะไปพิษณุโลก ต้องออกเดินทางตั้งแต่เย็น เช้าจึงถึง ใช้เวลาอย่างน้อย 12 ชั่วโมง เดี๋ยวนี้ ถนนปลักควายเดินเป็นถนนลาดย

แตงกวา

รูปภาพ
แตงกวา อาหารที่ทุกคนรู้จัก เป็นพืชผักที่มีมาแต่โบราณ นับพันปี คนอียิปต์ กรีก และโรมัน เคยใช้เป็นสมุนไพรรักษาผิว แตงกวามีน้ำและเส้นใยอาหาร ถ้ากินประจำจะมีประโยชน์ช่วยชำระล้างของเสียออกจากร่างกาย ขับปัสสาวะ (diuretic) และเป็นยาระบาย(laxative)สร้างความสมบูรณ์ของร่างกาย ผิวผ่องพรรณ กรด caffeic ในผลแตงกวา ช่วยลดการระคายเคืองของผิวหนัง และบรรเทาอาการบวม แดง ได้ แตงกวามี แคลอลี่ต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน แตงกวาอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย แตงกวามีวิตามินซีมาก ช่วยการสร้างเซลล์ สร้างความต้านทานโรค และเป็นตัวต่อต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง กินแตงกวาควรกินทั้งลูก เพราะผิวของแตงกวามีประโยชน์ ผิวของแตงกวา มีเส้นใยอาหารจำนวนมาก มีโปแตสเซี่ยม ช่วยในเรื่องความดันเลือดสูง และบำรุงหัวใจ นอกจากนี้ ผิวแตงกวา ยังมีแมกนีเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรง บำรุงสมอง และมีโมลิบดินัม(Molybdenum)ที่ทำหน้าที่เป็นน้ำย่อย ช่วยย่อยสลายธาตุเหล็ก และไขมัน ในแตงกวายังมี ซิลิกา (Silica)ซึ่งมีในเนื้อเยื่อเกี่ยวกับพัน(connective tissue)ซึ่งเชื่อมโยงยึดเหนี่ยวอวัยวะและโครงสร้างต่าง ๆ

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดในญี่ปุ่น

พอโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เมื่องฟูกูชิมะ (Fukushima) ของญี่ปุ่นระเบิด ก็มีคำถามว่า แล้วสารกัมมันตรังสีที่ฟุ้งกระจายออกมา จะมาถึงเมืองไทยหรือไม่ บางคนบอกว่า อย่าออกไปตากฝน มิฉะนั้นจะเป็นอันตราย คำตอบก็คือ ไม่น่าจะต้องวิตกมากจนเกินไป สารกัมมันตรังสีไม่น่าจะมาถึงเมืองไทย จากการให้สัมภาษณ์ของ ดร.ชัยวัฒน์ ต่อสกุลแก้ว เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ยืนยันว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดในประเทศญี่ปุ่น ไม่กระทบประเทศไทยแน่ เนื่องจากทิศทางลมไม่มุ่งเข้าสู่ประเทศไทย แต่พาออกไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ไปทางฝั่งประเทศอเมริกา และการตรวจวัดปริมาณกัมมันตภาพรังสีในประเทศไทยจาก 8 สถานีเฝ้าระวังภัยทางรังสีของประเทศไทยทั่วประเทศ พบว่า ค่าดัชนีที่วัดได้ยังอยู่ในระดับปกติเช่นเดียวกับก่อนเกิดเหตุโรงไฟฟ้าระเบิดที่ญี่ปุ่น นอกจากนี้ นายปรีชา การสุทธิ์ อดีตนายกสมาคมนิวเคลียร์ กล่าวว่า สารเคมีที่ระเบิดออกมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นกระจายไปทางทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือ เเถบแคนนาดาและอเมริกา ที่สำคัญสารเคมีดังกล่าวมีอายุสั้นเพียง 1 เดือน ก็จะสลายตัวไปในอากาศจนหมด จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชานและสิ่งแวดล้อม การ

มะเขือเทศ

รูปภาพ
มะเขือเทศ ใช้ทำอาหารหลายอย่าง โดยเฉพาะส้มตำ ขาดมะเขือเทศไม่ได้เลย มะเขือเทศมีประโยชน์ มีแคลอลี่ ไขมัน และโซเดียม ต่ำ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง และหัวใจวายได้ ในมะเขือเทศมีสารอาหารหลายอย่าง เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค เส้นใยอาหาร คาร์โบไฮเดรท โปแตสเซี่ยม เหล็ก Lycopene (ต้านอนุมูลอิสระ) ฟอสฟอรัส และ กำมะถัน เป็นต้น สารต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ในมะเขือเทศ ช่วยขจัดสารพิษ (toxic compounds) ออกจากร่างกาย Lycopene ช่วยทำให้อนุมูลอิสระ (free radicals) มีความเป็นกลาง หมดฤทธิ์ในการทำลายเซลล์อื่น ๆ ทำให้ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (prostate cancer) ผู้ที่รับประทานมะเขือเทศดิบ จะมีความเสี่ยงน้อยต่อมะเร็งลำไส้ มะเขือเทศ ต้านทานผลของ nitrosamines ทำให้ลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว วิตามินเค ในมะเขือเทศ ทำให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันภาวะ hemorrhages รุนแรงเนื่องจากมีเลือดออกอย่างต่อเนื่อง วิตามินเค ช่วยให้เลือดแข็งตัว และปกป้องหัวใจ ผู้ที่รับประทานมะเขือเทศดิบ จะทำให้ผิวสวย ผ่องใส มะเขือเทศมีคุณสมบัติในการฟอกเลือด ทำให้เลือดบริสุทธิ์ มะเขือเทศดีสำหรับตับ ช่วยป้อง

การสร้างเมนูบนริบบิ้น แบบกำหนดเอง สำหรับ MS Access 2007 (Custom Ribbon)

รูปภาพ
ริบบิ้น เริ่มเข้ามาในชุดของ Office 2007 เป็นการเลิกใช้เมนูแบบเก่า สำหรับผู้เขียนโปรแกรมสามารถเปลี่ยนแปลงเมนูบนริบบิ้นใหม่ ให้เข้ากับลักษณะของแต่ละโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นได้ การสร้างริบบิ้นแบบกำหนดเอง (Custom Ribbon) ทำได้หลายวิธี วิธีต่อไปนี้ จะใช้ตารางระบบ ของ MS Office ชื่อ USysRibbons เพื่อกำหนดแท็บ กลุ่ม และคำสั่งบนริบบิ้น ซึ่งใช้ XML เป็นตัวกำหนด (โปรด ดาวน์โหลดไฟล์ ตัวอย่าง customRibbon1.accdb ได้ คลิกที่นี่ ) ในตัวอย่างนี้ จะใช้หน้าจอของ MS Access 2010 เป็นตัวอย่างนะครับ ก่อนอื่นต้องทำให้มองเห็นตารางระบบของ MS Access ก่อน มิฉะนั้นเมื่อเราสร้างตารางระบบแล้ว จะมองไม่เห็น วิธีการมีดังนี้ เปิดโปรแกรมแล้วคลิกขวาที่ Navigation bar เลือก ตัวเลือกการนำทาง จะเปิดหน้าต่างใหม่ ให้คลิกเครื่องหมายถูกเพื่อเลือกใหแสดง วัตถุของระบบ ต่อมาควรเปิดให้แสดงข้อผิดพลาด เพื่อจะได้รู้ที่ผิดและแก้ไขได้สะดวกขึ้น ไปที่ ปุ่ม Office > ตัวเลือกของ Access > ตัวออกแบบวัตถุ > เปิดใช้งานการตรวจสอบข้อผิดพลาด สร้างตารางระบบชื่อ USysRibbons เป็นการสร้างตารางโดยทั่วไป กำหนดให้มีฟิลด์ 3 ฟิล